หากกล่าวถึงพระพุทธรูปองค์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย แน่นอนว่า ณ ตอนนี้คงไม่มีใครเทียบได้กับ หลวงพ่อใหญ่ "วัดม่วง" จังหวัดอ่างทอง เป็นแน่ ช่วงต้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสแวะไปที่จังหวัดอ่างทอง ก็ไม่พลาดที่จะไปนมัสการหลวงพ่อใหญ่เช่นเดียวกัน"วัดม่วง" ตั้งอยู่ที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นวัดร้างเก่าแก่ตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรอยุธยา จนกระทั่งในปี พ.ศ.2525 หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ได้เข้ามาเเล้ว ณ "วัดม่วง" แห่งนี้ และท่านได้ทำการพัฒนาวัดในด้านต่าง ๆ จนเจริญขึ้นมาเหมือนดังเช่นปัจจุบันเมื่อเข้ามาใกล้บริเวณวัด สิ่งสะดุดตาที่บ่งบอกได้ว่าเรามาถึง ‘วัดม่วง" แล้วนั่นก็คือ หลวงพ่อใหญ่ ที่มองเห็นได้จากระยะไกล ยิ่งเมื่อเข้าใกล้บริเวณวัดเท่าไหร่ ก็สามารถสัมผัสถึงความใหญ่โตและสวยงามของหลวงพ่อใหญ่ได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหลวงพ่อใหญ่องค์นี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ" ที่สร้างเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ในรัชกาลที่9 เมื่อถึงวัดแล้วสิ่งแรกที่ต้องไปสักการะก็คือ "หลวงพ่อใหญ่" โดยความสมัครใจ "หลวงพ่อใหญ่" มีดังนี้"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สามจบ)ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่านรักธันตุ สัพพะเทวะตา ขอเหล่าเทวดาทั้งหลาย จงรักษาท่านสัพพะพุทธานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวงสัพพะสังฆานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวงสะทา โสตถี ภะวันตุเต ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ"หลังจากนั้น พวกเราก็ไม่ลืมที่จะไปสัมผัสที่ปลายนิ้วของหลวงใหญ่ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้เจริญเติบโตในหน้าที่การงาน เป็นสิริมงคลหลังจากนมัสการ "หลวงพ่อใหญ่" เสร็จแล้ว พวกเราก็เดินลงมายังด้านล่างซึ่งเรียงรายไปด้วยระฆังสองข้างทาง เข้าไปยังตัวบริเวณศาลากลางของวัด ซึ่งมีบริเวณด้านในของศาลาจะแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ เพื่อร่วมทำบุญกับทางวัดได้ ไม่ว่าจะเป็นการตักบาตรข้าวสาร, การปิดทองลูกนิมิตร, ทำบุญช่วยค่าน้ำค่าไฟ หรือจะเสี่ยงเซียมซีก็มีด้วยเช่นกันถัดออกมาจากพื้นที่ศาลา เป็นลานขนาดใหญ่ ที่มีรูปปั้นแสดงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เช่น มีรูปปั้นจากพระเวสสันดรในกัณฑ์ต่าง ๆ, พระอภัยมณี, ขุนช้างขุนแผน, เรื่องราวของเมืองวิเศษชัยชาย, รูปปั้นบรรยานรกและสวรรค์ รวมถึงมีองค์เทพต่าง ๆ ทั้ง พุทธ,จีน และพราหม์ฮินดู ดูแล้วก็มีมนต์ขลังแปลกตา โดยรูปปั้นต่าง ๆ เหล่านี้จะมีคำบรรยาหรือชื่ออยู่บริเวณข้างใต้ เพื่อให้เราได้เข้าใจว่ากำลังรูปปั้นเหล่านี้คืออะไรบริเวณด้านข้างของลานรูปปั้นคือ "วิหารแก้ว" ที่ภายในประดับตกแต่งด่วยแก้วชิ้นเล็ก ๆ จำนวนมากระยิบระยับสว่างไสว ๆ ไปทั่วทั้งวิหาร โดยตรงกลางประดิษฐาน "หลวงพ่อเงิน" ซึ่งเป็นพระพุธทรูปเนื้อเงินแท้องค์แรกของประเทศไทย และภายในวิหารแห่งนี้ยังมีรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆกว่า 50 รูป นอกจากนี้ยังมีร่างของ "หลวงพ่อเกษม" ที่บรรจุในโลงแก้วให้ได้กราบสักการะอีกด้วยหลังจากออกจากวิหารแก้วแล้ว ก็เป็นเวลาปิดวิหารพอดี พวกเราก็ถึงเวลาต้องบอกลา "วัดม่วง" เดินทางกลับด้วยความอิ่มเอมใจ หวังว่าหากมีโอกาสจะได้กลับไปที่นี้อีกครั้งแผนที่: https://shorturl.asia/sCktT***ภาพถ่ายเองจากสถานที่จริง*** เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !