เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 17 กันยายน 2564 ผู้เขียนได้เห็นข่าวทางโทรทัศน์ว่า มีผู้หญิง 2 คนกระโดดลงในแม่น้ำมูล ซึ่งกำลังไหลเชี่ยวกราก เพื่อฆ่าตัวตาย เพราะมีปัญหาชีวิต ผู้เขียนจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมา เรามาศึกษาธรรมะกันทำไม "ธรรมะกับชีวิต..เกี่ยวข้องกันอย่างไร"คำว่า "ธรรมะ" เป็นภาษาบาลี ที่ฟังแล้วอาจทำให้มีความรู้สึกว่าไม่ไพเราะ ไม่ทันสมัยน่าฟังเหมือนภาษาฝรั่งที่คนไทยนิยมชมชอบกัน เพราะคิดว่าเป็นภาษาของประเทศของหมู่ชนที่มีความเจริญแล้ว และบอกว่า ธรรมะเป็นสิ่งเก่าแก่ล้าสมัยคร่ำครึ ซึ่งเป็นความคิดของผู้ที่ยังไม่เคยศึกษาธรรมะ หรืออาจรู้ธรรมะเพียงงู ๆ ปลา ๆ พบเห็นแต่พิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นแค่เปลือก เป็นกระพี้ เป็นสะเก็ด หรืออาจจะเรียกว่า เป็นเนื้องอกที่มาเกาะกับธรรมะ ก็ไม่ผิด จึงเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งภาพประกอบที่ 1 ถ่ายโดย Victoria Borodinova จาก pexelsแต่ฝรั่งชาวต่างชาติกลับมีดวงตาแหลมคม มุ่งมั่นศึกษาจนเห็นแก่นธรรมแล้วนำเอาหลักธรรมมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต จนพระพุทธศาสนาไปเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ในซีกโลกตะวันตก สิ่งที่เราเห็นเราเอามาแปะมาปนไว้กับธรรมะในพระพุทธศาสนานั้น เป็นแค่ลัทธิพิธีของศาสนาหรือลัทธิอื่น และยังมีไสยศาสตร์เข้ามาแจม มาปะปนด้วยอีกมากมาย หรือไม่ก็เป็นเรื่อง เป็นพิธี ที่ผู้คนคิดขึ้นมาใหม่ ตามความคิดความเชื่อของตัวเองล้วน ๆ แล้วผู้คนก็ทำตาม ๆ กันมาแล้วก็นำมาอ้างว่าเป็น..พุทธศาสนา จึงกลายเป็นมองว่าพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องงมงาย เป็นสิ่งที่ไม่น่าใส่ใจใฝ่รู้ จนมีหลายคนที่ประกาศว่าตนเป็นคนไม่มีศาสนาไปเลยพิธีต่าง ๆ ที่เข้ามาปะปนกับเนื้อพระพุทธศาสนานั้น มีทั้งพิธีรัฐ และพิธีราษฎร์ เช่น พิธีแรกนาขวัญ พิธีโกนจุก พิธีโล้ชิงช้า หรือประเพณีลอยกระทง เป็นต้น พิธีกรรมต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวชูใจ สร้างความสามัคคีในหมู่ชน จึงได้ปฏิบัติติดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน จนหลายคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา ชาวพุทธทั้งหลายจึงหาแก่นธรรมคำสอนจริง ๆ มาเป็นพุทธโอสถเยียวยาโรคทางใจ หรือโรคทางจิตวิญญาณไม่พบ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมากับชีวิต ก็หายารักษาใจไม่ได้ เกิดความทุกข์จนทนไม่ไหวต้องปลิดชีวิตตัวเอง ดังที่เป็นข่าวอยู่ประจำภาพประกอบที่ 2 ถ่ายโดย Nishant Aneja จาก pexelsธรรมะในระดับโลกียะนั้นคือ "ทาน ศีล ภาวนา นั่งสมาธิ" ที่ฆราวาสทั่วไปประพฤติปฏิบัตินั้น เป็นไปเพียงเพื่อให้ผู้ปฏิบัติมีชีวิตที่สงบสุข และปลอดภัยในสังคมระดับหนึ่งเท่านั้น มีความกินดีอยู่ดีเพราะเป็นคนมีศีล ไม่หมดเปลืองเงินทองไปกับการทุศีล แต่ยังไม่สามารถทำให้คนพ้นทุกข์ไปได้คนที่ชอบทำความดีมีศีล และนั่งภาวนาทำสมาธิอยู่เป็นเนืองนิตย์ จึงยังไม่เป็นผู้ปราศจากทุกข์ต่าง ๆ เช่น ทุกข์จากการสูญเสียสิ่ง หรือบุคคลอันเป็นที่รัก ทุกข์จากการงานหรือธุรกิจที่ล้มเหลว ทุกข์จากความผิดหวังในความรัก หรือผิดหวังจากบุคคลหรือสิ่งต่าง ๆ เพราะยังไม่ได้เข้าใจโลกและชีวิตในระดับความจริงขั้นปรมัตถ์ คือ "ความจริงแท้อันเป็นที่สุดของทุกสรรพสิ่ง" ทำให้มีความเห็นวิปลาสไปจากความเป็นจริง แล้วก็เกิดความทุกข์จากการที่ต้องประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจ หรือการต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจ เมื่อพบกับโลกธรรมแปดซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมาก ๆ แต่กลับรับไม่ได้กับสิ่งธรรมดานี้หลายคนจึงทำลายชีวิตตนเองไปอย่างน่าเสียดายธรรมะจึงเป็นสิ่งมีคุณค่าแก่ชีวิตอย่างยิ่ง แต่ต้องเป็นแก่นธรรมะแท้ ๆ ไม่ใช่แค่เปลือกกระพี้ หรือสิ่งแอบแฝงอื่นที่เข้ามาปลอมปนให้เห็นว่าเป็นธรรมะเพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้คุณค่าในระดับต้น ๆ เท่านั้น ภาพประกอบที่ 3 ถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก pexelsยิ่งโลกปัจจุบันนี้ชีวิตคน ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หาความแน่นอนยากขึ้น ถ้าคนไม่เข้าใจลึกซึ้งในธรรมะ ไม่มีหลักธรรมนำชีวิต ไม่หมั่นรักษาจิตให้รู้เท่าทัน ก็เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะทำให้ชีวิตบางเบาจากความทุกข์ เพราะจะมองไม่เห็นโลกตามความเป็นจริง เห็นได้แต่เพียงมายาหลอกตาตามกิเลสตัณหา ตามที่ใจเราต้องการให้เป็นไปจนตายจิตนั้นเป็นสิ่งสร้างโลก จิตเป็นอย่างไรก็เห็นโลกอย่างนั้น ถ้าควบคุมจิตได้ ก็เท่ากับควบคุมโลกได้เช่นกัน เพราะโลกเดินไปตามจิต ถ้าจิตสดใสผ่องแผ้ว โลกนี้ก็ผ่องแผ้วดีงามน่าอยู่น่าอาศัยถ้าจิตขุ่นมัว โลกนี้ก็มืดมน คนที่ผิดหวังจากความรัก ก็เพราะผิดหวังจากจิตของอีกฝ่าย จะบังคับจิตอีกฝ่ายให้รักตน คือ ไปบังคับจิตผู้อื่น แต่พอจะบังคับจิตตนเองไม่ให้รัก ไม่ให้หวัง กลับทำไม่ได้ เอาจิตออกมาให้พ้นเสียจากความยึดติดจากอุปทานไม่ได้ ต้องการแต่จะบังคับจิตผู้อื่นให้ได้ดั่งความต้องการตามตัณหาของตน จึงเป็นการยากยิ่งไปกว่าบังคับจิตตนเองเสียอีก จะเป็นไปได้อย่างไรกัน แล้วมาไม่เข้าใจความเป็นไปตามธรรมดาของจิต กับไม่เข้าใจหลักไตรลักษณ์ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็เลยผิดหวังอกหัก จนฆ่าตัวตาย และจะยังมีผู้ผิดหวังฆ่าตัวตายตามมาอีกมากมาย ตราบใดที่ใจเข้าไม่ถึงธรรมะ ไม่เข้าถึงความจริงตามธรรมชาติ"ธรรมะ" จึงเป็นสิ่งควรศึกษา ควรประพฤติปฏิบัติให้เข้าถึงถ่องแท้เป็นอย่างยิ่งก่อนการศึกษาสิ่งใด ๆ ในโลกนี้ เพราะการศึกษาธรรมะนั้นคือการศึกษาความจริงทั้งปวงนั่นเอง ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชได้มีคำสอนไว้ ดังนี้.."ความเปลี่ยนแปลงของชีวิตหรือของโลกเป็นทุกข์ประจำชีวิตหรือประจำโลกไม่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอันใด เมื่อจะสรุปกล่าวให้สั้น ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสี่นี้ย่อลงเป็นสอง คือความเกิดและความดับ ซึ่งเป็นสิ่งที่สกัดหน้าสกัดหลังของโลก ของชีวิตทุกชีวิตนี่เรียกคติธรรมดา แปลว่า ความเป็นไปตามธรรมดา ความไม่สบายใจทุกๆอย่าง พระพุทธเจ้าทรงชี้ว่าเป็นทุกข์ ทุกคนคงเคยประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก พลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก ปรารถนาไม่ได้สมหวัง เกิดทุกข์โศกต่างๆ นี่แหละพระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่าเป็นทุกข์โลกหรือชีวิต ประกอบด้วยทุกข์ดังกล่าวมาแล้ว ฉะนั้น ทุกข์จึงเป็นความจริงที่โลกหรือทุกชีวิตต้องเผชิญ"ภาพประกอบที่ 4 ถ่ายโดย Egor Kamelev จาก pexelsภาพปกเครดิตภาพ ภาพถ่ายโดย Pixabay จาก pexels เขียนโดย พระยมอมยิ้มติดตามผลงานอื่น ๆ ของพระยมอมยิ้มได้เพิ่มเติมที่Facebook : Ajarn.JarunCorrectYouTube : พระยมอมยิ้ม เรื่องเล่ากฎแห่งกรรมและกฎหมาย ขอขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านบทความของพระยมอมยิ้มครับอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !