เราดูรายการๆ หนึ่งทางช่องยูทูป จำไม่ได้ว่ารายการอะไร ได้ฟังบทสัมภาษณ์ถึงประวัติของวัดมณีวงศ์ ด้วยความที่เกิดในถิ่นที่มีความเชื่อเรื่องพญานาคอยู่แล้ว ยิ่งทำให้อยากไปที่นั่น ย้อนไปเมื่อสงกรานต์ ปี 2565 เราและพี่สาวไม่ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด วันหยุดสงกรานต์ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ไหนๆ ก็หยุดยาวแล้วเลยชวนพี่สาวไปทำบุญที่วัดมณีวงศ์นัดวัน - เวลาเรียบร้อย พอถึงวันก็พากันขับรถจากกรุงเทพฯ ไปนครนายก การเดินทางครั้งนี้ไปกัน 4 คน โดยจะไปเช้าเย็นกลับ ด้วยความที่ไม่มีใครเคยไปวัดนี้ ก็อาศัย GPS ให้พาไป หลงทางบ้าง ลัดเลาะทุ่งนาบ้าง แต่สุดท้ายก็ไปถึงที่หมายพอไปถึงสถานที่จริง เราพูดได้คำเดียวว่าคุ้มค่ามากกับการขับรถหลงทาง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้ขอพรเยอะ มีทั้งไทย - จีน มีตั้งแต่ประตูทางเข้าเลยทีเดียว ตอนที่พวกเราไปเป็นช่วงสถานการณ์โควิดกำลังระบาด ทางวัดจึงมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและฆ่าเชื้อโรคก่อนเข้าด้านในวัดอุณหภูมิร่างกายเสร็จ จุดแรกที่เราไปคือ "หอพระ" เพื่อถวายสังฆทาน ถวายสังฆทานเสร็จก็ไปทำบุญจุดต่างๆ ทำบุญเสร็จเรียบร้อย เราก็ไปไหว้ขอพรหุ่นขึ้ผึ้งของตาเชิดและยายตุ้ยตาเชิดกับยายตุ้ยเป็นบุคคลสำคัญที่หลวงพี่ต่อ (เจ้าอาวาสวัด) ให้ความเคารพนับถือ พอทั้ง 2 คนเสียชีวิต ทางวัดจึงมีการสร้างหุ่นขี้ผึ้งขึ้น เพื่อรำลึกถึงบุญคุณของทั้ง 2 คน และให้คนที่ไปทำบุญได้กราบไหว้ขอพรกันทำบุญเสร็จก็ไปสักการะองค์ปู่ท้าวเวสสุวรรณ องค์นี้ถ้าตามความเชื่อจีนเราไม่แน่ใจว่าท่านชื่ออะไร แต่ถ้าในความเชื่อของไทยท่านคือปู่ท้าวเวสสุวรรณ (เรารู้เพราะจุดนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ของทางวัดแนะนำวิธีการไหว้) ต่อไปเราก็จะเข้าถ้ำพญานาค หรือที่หลายคนเรียกว่า "วังพญานาค" นั่นเอง ต้องขอบคุณผู้ที่มีจิตศรัทธาทุกคน ที่ได้บริจาคเงินในการสร้างวัด สร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ และต้องขอบคุณคนที่ปั้นพญานาคด้วย เก็บรายละเอียดของพญานาคแต่ละองค์ได้ครบถ้วน ทั้งสีสัน รายละเอียดต่างๆ ถ่ายรูปออกมาแต่ละภาพคือสวยสดงดงาม มองดูแล้วเหมือนทุกองค์ที่ปั้นมีชีวิตจริงๆพอเดินเข้าไปด้านใน บรรยากาศเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าว เข้าไปถึงอันดับแรกก็สักการะพระนเรศวรและรัชกาลที่ 5 เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ผู้คนเลยไปทำบุญที่นี่เยอะ จากที่เดินอยู่กับพี่สาวจึงแยกกันไปทำบุญ ก่อนจะเข้าไปด้านในเราได้ยืนรอพี่ตรงหลังปู่เวสสุวรรณ หลวงพี่ต่อ (เจ้าอาวาสของวัด) ก็ได้เดินออกมา เราจึงมีโอกาสได้กราบไหว้ขอพรจากท่านหลังจากนั้นเราก็เดินเข้าไปในถ้ำพญานาค ทางวัดก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำตลอด ข้างนอกเราว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะแล้ว ข้างในยิ่่งมีเยอะกว่า ทั้งองค์พระพุทธรูป ปู่ฤาษี และองค์พญานาค ทั้งที่เป็นกายหยาบของมนุษย์ และกายหยาบที่เป็นพญานาค แต่ละองค์คือสร้างได้งดงามมาก เข้าไปด้านในจะมีองค์พญานาคราช 9 พระองค์ แต่ละองค์ยืนเคียงคู่กับนางพญานาคินีของท่าน (เราเก็บภาพมาได้ไม่ครบ เพราะบางจุดคนสักการะเยอะ เลยเลี่ยงที่จะไม่เข้าไป) เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่สรวง นั่งอยู่บนแท่นหินล้อมรอบด้วยพญานาค บางจุดพญานาคก็ยังสร้างไม่เสร็จ บางองค์ยังไม่มีเกล็ด บางองค์ก็พึ่งเริ่มสร้าง ถ้าเข้าไปด้านในเราแนะนำให้เดินอย่างระมัดระวัง อย่ามัวแต่กดโทรศัพท์ เดี๋ยวศีรษะจะไปชนกับรูปปั้นพญานาค ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เดินเข้าไปด้านในจะมีบ่วงนาคบาศไว้สำหรับให้เดินรอดขอพร เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพมาให้ชม เดินต่อไปอีกจะเป็นคลังสมบัติของพญานาคราช ใครอยากขอทรัพย์จากพญานาคก็ให้ขอจุดตรงนี้ได้เลย ส่วนได้ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่อง อย่าไปซีเรียส ขึ้นชื่อว่าขอพรจะมีทั้งสมหวังแและผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา เดินตามที่เจ้าหน้าที่บอกก็จะไปเจอทางออกพอดี ซึ่งทางออกจะไปเชื่อมต่อกับชั้นวางรองเท้าที่เราวางไว้ออกจากถ้ำพญานาค จุดต่อไปก็จะเป็นโบสถ์ของวัด (โบสถ์ที่นี่ก็มีเรื่องเล่าเยอะเช่นกัน) ใครไปที่วัดนี้แล้วไม่ได้ไปกราบสักการะองค์พระประธานที่่โบสถ์ ถือว่าพลาดมาก ใครอยากรู้ประวัติของโบสถ์วัดมณีวงศ์ ก็สามารถหาฟังได้ที่ยูทูป จะมีบทสัมภาษณ์ของเจ้าอาวาสหรือเจ้าหน้าที่ของวัด ได้ให้ถึงประวัติของโบสถ์นี้อยู่เรานำภาพมาให้ชมแค่เพียงคร่าวๆ ที่นี่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ตั้งประดิษฐ์สถานอยู่ด้านหน้า ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปหลายจุดกว่าจะออกจากวัดก็บ่ายแก่ๆ แล้ว คนขับก็เหนื่อยล้าจากการเดินชมถ้ำพญานาค ขากลับกรุงเทพฯ เลยตกลงกันว่าจะหาที่พักค้างที่นี่สัก 1 คืน เดี๋ยวว่างๆ จะมาเล่าต่อว่าคืนนั้น พวกเราไปพักกันที่ไหน พิกัด: Wat Maneewongขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านบทความของเรา หากเล่าประวัติของวัดผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยจร้ากำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !