อาสาฬหบูชาวันที่มีรัตนตรัยครบสามประการ ถือเป็นวันสำคัญในศาสนา พร้อมวันออกพรรษาควรค่ากับการทำบุญ การสวดมนต์เพื่อสมาธิหลีกหนีจากความวุ่นวน อาสาฬหบูชาสุขล้นคนได้เข้าวัดบำเพ็ญทาน อาสาฬหบูชา แน่นอนว่าเป็นวันที่มีความสำคัญสำหรับชาวพุทธทุกคน ซึ่งถือว่าวันอาสาฬหบูชานี้คือวันพระใหญ่ ถือว่าเป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบทั้งสามประการเลย วันที่พระพุทธเจ้านั้นได้เทศนาธรรมให้กับปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 หลังจากที่ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทำให้วันนี้มีความสำคัญอย่างมากสำหรับชาวพุทธ สิ่งที่ต้องทำคือการเวียนเทียนและรักษาศีล ตอนกลางคืนนั้นจะมีการเวียนเทียนและปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิตามเทียนที่ตั้งอยู่ตามระยะเวลาที่เราพอใจในการทำได้เลย แสงเทียนที่ส่องสว่างนั้นเปรียบเหมือนใจของเราที่ไม่มืดมนใจที่สงบ สว่างแม้ว่าความมืดจะไร้แม้หนทางแต่ก็สามารถที่จะเดินไปได้ แสงเทียนส่องธรรม ความสงบที่แท้จริงมากกว่าใจของเราสงบนั้นไม่มี เรามาดูบทสวดมนต์ในการเวียนเทียนกัน ในการเวียนเทียนนั้นจะต้องมีการเวียนด้วยกันทั้งหมดสามรอบ ในการเวียนเทียนนั้นจะต้องใช้ดอกบัวหรือดอกไม้ธูปเทียนเพื่อบูชา การที่เรามารวมตัวกันเพื่อที่จะระลึกถึงพระธรรมที่พระพุทธเจ้าได้แสดงมานั้น หากว่าเราปฏิบัติและทำตามย่อมที่จะได้ผลดีทุกประการ ในบทหนึ่งที่เราได้อ่านคือ "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา" บทสวดมนต์ในการเวียนเทียน สามารถที่จะใช้ดอกบัวสีชมพูได้เช่นกัน การเวียนเทียนนั้นสามารถที่จะเวียนได้เช่นกันในตอนกลางวัน ไม่ใช่เฉพาะในช่วงตอนกลางคืน ทำได้ทั้งหมดเมื่อเรานั้นพร้อมในส่วนของในโรงเรียนครูอาจจะพาไปเวียนเทียนในช่วงบ่ายสอง บ่ายสามนั้นได้เช่นกัน หลังจากเวียนครบสามรอบก็จะนำดอกไม้วาง หากตอนกลางคืนนั้นจะมีในส่วนของการจุดเทียนเพื่อให้แสงสว่าง ดอกไม้ที่นำมานั้นคือความงาม การถวายดอกไม้ในทางพระพุทธศาสนาได้มีการเล่าไว้เช่นกันว่า คนที่เกิดมาผิวพรรณดีหน้าตาสวยนั้น หมายถึงว่าชาติก่อนนั้นเขาได้ถวายดอกไม้สวยและไม่เป็นผู้ที่มักโกรธ ผิวพรรณเลยเนียนใส ผู้มักโกรธผิวพรรณก็จะหมองคล้ำดูไม่งามเพราะว่าใจนั้นไม่นิ่งสงบ บทสวดมนต์ในขณะการเวียนเทียนคือ จะเวียนด้วยกันสามรอบ รอบที่หนึ่งคือ บทสวดมนต์ระลึกถึงพุทธคุณ อิติปิโส ภควา อะระหัง สัมมา สัมพุททโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ซึ่งแปลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้ที่สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บทสวดมนต์ ในการเวียนเทียนรอบที่ 2 บทสวดมนต์ระลึกถึงธรรมคุณ สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ซึ่งแปลว่า พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตนดังนี้ บทสวดมนต์ ในการเวียนเทียนในรอบที่ 3 บทสวดมนต์ระลึกถึงสังฆคุณ สัปะฏิปัณโณ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปัณโณ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปัณโณ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะติปัณโณ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปัณโณ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ ซึ่งแปลว่า สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระพุทธเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้แปดบุรุษ นั่นแหละสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรแก่การสักการะบูชา เป็นผู้ควรแก่การสักการะที่จัดไว้ต้อนรับ เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ในการเวียนเทียนหากว่าเรานั้นสวดมนต์ในแต่ละรอบแล้วยังไม่ครบรอบ เราสามารถที่จะเริ่มใหม่ ในรอบที่นั้นๆ หากว่ารอบสองน้้นสวดจบแล้วยังเดินไม่ครบเราก็เริ่มใหม่ เพราะว่าการสวดนั้นอาจจะเร็วหรือช้าไม่เท่ากันแล้วแต่ละคน จึงไม่ต้องรอสวดพร้อมกันได้ สวดในใจระลึกในใจของใครของเรา ภาพถ่ายทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน ภาพปกจาก Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !