หลายคนคงจะเคยได้ยินคำกลอนความว่า “เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน ย่อมเสียทีที่ตนได้เกิดมา” ซึ่งเป็นบทประพันธ์โดย พุทธทาสภิกษุ ครูผู้ยิ่งใหญ่ พระภิกษุในพระพุทธศาสนา นับเป็นครูแห่งจิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ที่ควรรำลึกถึงในช่วงวันครู (Teachers' day) นักเผยแผ่ธรรมที่ได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษาศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ จากองค์การยูเนสโก พ.ศ. 2549 เพราะมีผลงานหนังสือมากมายที่มุ่งเน้นการศึกษาพระพุทธศาสนาให้ถึงแก่นแท้ และท่านนับเป็นบุคคลที่เป็นแบบอย่างในการอุทิศตนเพื่อการเผยแผ่พระธรรมอันเป็นแก่นสารแท้จริง ประยุกต์กับความร่วมสมัยอย่างลงตัว พร้อมส่งเสริมความเข้าใจกันอันดีระหว่างศาสนาเพื่อสันติภาพวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะเล่าถึงการเดินทางตามรอยพุทธทาสภิกขุ ผ่านการเดินทางไปเยือนวัดธารน้ำไหลหรือสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยไม่ใช่การเดินทางเพื่อท่องเที่ยว แต่เป็นการเดินทางไปศึกษาธรรมะอย่างสงบ สำรวมและเรียบง่ายไหว้รำลึกถึงคุณูปการอันประเสริฐของพุทธทาสภิกขุ ที่กุฏิอาจาริยบูชา ท่านเปรียบเสมือนครูผู้เปี่ยมด้วยความเสียสละ อุทิศตนเองเพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม แล้วนำมาชี้ทางให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้เห็นธรรมะอันเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยความรู้สึกที่ได้มาเยือนสวนโมกขพลาราม คือความสงบร่มเย็น คำว่าความ "สงบ" คือสงบจากผู้คน สงัดจากเสียงอึกทึกครึกโครมต่างๆ ส่วนคำว่า "ร่มเย็น" คือ ที่นี่มีต้นไม้น้อยใหญ่เป็นป่าเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ ทำให้รู้สึกเย็นสบาย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ที่นี่เหมาะแก่การเจริญสติและปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งที่สวนโมกขพลาราม พื้นที่ส่วนต่างๆ คือคำสอน มีป้ายธรรมะคำสอนของพุทธทาสภิกขุ ในจุดต่างๆของวัด จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการศึกษาทุกเวลา อ่านแล้วได้ข้อคิดเตือนจิตใจของตนเอง ท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวว่า ธรรมะคือหน้าที่ ที่มนุษย์จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ ผู้เขียนมาพิจารณาธรรมะข้อนี้แล้วเชื่อว่า การเข้าใจความจริงแห่งธรรมชาติ ย่อมจะนำมาซึ่งความสุขแก่ตนเองและบุคคลรอบข้างได้เดินไปตามเส้นทางที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ ได้เห็นกุฏิพระขนาดเล็กๆ ดูเรียบง่ายสันโดษ เหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ตรงกับคำว่า อยู่อย่างต่ำ แต่ทำอย่างสูง คืออยู่ในสถานเล็กๆ ในป่า แต่จิตใจปฏิบัติธรรมอันประเสริฐซึ่งเป็นสิ่งที่สูงส่งตามหลักพระพุทธศาสนานั่นเองเดินเข้าไปชมโบสถ์กลางแจ้งที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ โดยมิได้มีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารเลย มีเพียงลานทรงกลมมีพระพุทธรูปสีขาวประดิษฐานอยู่ หากพิจารณาอย่างลึกซึ้งตามประวัติพระพุทธศาสนา สถานที่แห่งนี้คล้ายสถานที่ประกอบสังฆกรรมของพระสงฆ์ในสมัยพุทธกาลยุคต้น ที่ยังไม่มีอุโบสถหรือสิ่งปลูกสร้าง โบสถ์กลางแจ้งที่นี่ดูสงบ สงัด เรียบง่าย เข้าไปศึกษาธรรมะอันเป็นแก่นแท้จากโรงมหรสพทางวิญญาณ ที่เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมที่เป็นคำสอนอันลึกซึ้งคัมภีรภาพบ้าง คำสอนแฝงด้วยปริศนาธรรมบ้าง คำสอนที่เป็นธรรมะเชิงอุปมาบ้าง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นกุสโลบายในการเผยแผ่ธรรมะเพื่อให้ผู้มาศึกษาปฏิบัติธรรมเข้าใจแก่นแท้ของพระพุทธศาสนานั่นเอง ภาพที่เห็นอยู่บนตัวอาคารเป็นภาพให้ดวงตา ผู้เขียนตีความว่า หมายถึง การให้ปัญญาอันประเสริฐ ให้สัมมาทิฏฐิคือความเห็นที่ถูกต้องชอบธรรม เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขสรุป ผู้เขียนมีความประทับใจอย่างยิ่งที่ได้เดินทางไปศึกษาธรรมะอันเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาที่สวนโมกขพลาราม ได้ศึกษามรดกธรรมจากพุทธทาสภิกขุ ท่านนับเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ที่ผู้เขียนให้ความเคารพนับถือมาก หากได้เดินทางมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะพยายามแวะมาศึกษาธรรมะที่นี่อีกครั้งพิกัด: วัดธารน้ำไหลหรือสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีภาพทั้งหมดโดยผู้เขียนบทความกำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !