ถ้าพูดถึงคำว่าตาที่ 3 หลายคนคงเข้าใจว่า ตำแหน่งของตาที่ 3 อยู่จุดกลางหน้าผากบริเวณระหว่างคิว และเป็นสภาวะพิเศษที่สามารถเชื่อมโยงไปสู่มิติลี้ลับได้ วันนี้ Jasmine จะมาบอกเล่าเรื่องราวของตาที่ 3 ที่สัมพันธ์กับต่อมไพเนียลของมนุษย์เรากันคะ...เรื่องตา 3 เรื่องตา 3 นี้ เป็นที่สนใจใฝ่ศึกษาและมีความเชื่อที่แตกต่างกันไปหลายชาติ หลายศาสนา แต่ทั้งหมดจะโยงตา 3 ไปเชื่อมสัมพันธ์กับต่อมไพเนียลในระบบสมอง ซึ่ง Jasmine ศึกษาเรื่องระบบต่อมไพเนียล ว่ามันเกี่ยวพันกับตา3 อย่างไร อย่างแรกจึงเริ่มศึกษาว่าต่อมไพเนียลอยู่ตรงไหน และเห็นมีลักษณะอย่างไรก่อนโชคดีที่เคยไปดูอาจารย์ใหญ่ที่โรงพยาบาลศิริราชที่เค้าผ่าครึ่งศรีษะดองไว้ให้ดู ยิ่งเห็นชัดด้วยตาเนื้อ และเมื่อเอาจิตมองในสภาพอวัยวะกายเนื้อตรงต่อมไพเนียล ลักษณะเค้าคล้ายเมล็ดถั่วมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวเป็นไตๆ อยู่ตรงกลางที่ประกอบไปด้วยเซลล์เกือบตันทั้งเมล็ด มีเนื้อเยื่อเป็นริ้วๆ ล้อมเป็นชั้นๆ อยู่ พอมองภาพวาดของชาวอียิปต์ มันมีโครงสร้างรูปร่างเหมือนและถ่ายถอดออกมาเป็นสัญญาลักษณ์ได้ดีทีเดียวตรงนี้ Jasmine คิดว่า ต้องมีผู้ที่ศึกษามาถึงระบบทิพย์ การเชื่อมต่อของต่อมไพ เนียล กับระบบทิพย์ มาจนพัฒนาการเข้าสู่การเปิดตาที่3 อยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่เค้าเชื่อว่าเป็นอำนาจของเทพเจ้าที่บันดาลความพิเศษนี้ให้ ต่อจากนั้น ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เค้ามีความพิเศษต่างกับสมองส่วนอื่นอย่างไร สักแปบ เห็นจากจุดไพเนียลขยายทั่วสมองและไล่ลงมาทั่วร่างกาย เห็นคลื่นความถี่ ซึ่งก็คือสภาวะสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวที่เข้ามากระทบทั่วร่าง โดยความถี่เหล่านั้นมีระดับไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับชนิดและลักษณะการขับเคลื่อนเมื่อมีสิ่งภายนอกเข้ามากระทบอวัยวะใด เส้นปลายประสาทตรงบริเวณอวัยวะนั้นจะส่งคลื่นนี้ถ่ายถอดเป็นรหัสที่มีความถี่ต่างๆกันตามชนิด ลักษณะและการขับเคลื่อนที่เข้ามากระทบ เห็นเป็นคลื่นส่งต่อไปยังสมองส่วนที่ดูแลควบคุมเส้นประสาทบริเวณอวัยวะนั้นๆ ความถี่ในระดับส่วนใหญ่ที่คละกันเข้ามาตลอดนั้น ระบบสมองสามารถตีความออกมาเป็นภาพ เป็นเสียง เป็นการกระทำ โดยระดับความละเอียดจะมีขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงระดับที่ระบบสมองส่วนใหญ่ไม่สามารถรับคลื่นและถอดรหัสได้นอกจากสมองตรงต่อมไพเนียล ยิ่งถ้าเราอยู่ในสภาวะที่นิ่ง ที่มีสติก็จะยิ่งสามารถรับคลื่นความถี่ที่ละเอียดนี้ได้มากขึ้น เมื่อต่อมรับคลื่นได้ก็จะส่งสัญญาณเข้าจิตสื่อความหมายสามารถแปลงสัญญานออกเป็นภาพได้ ซึ่งตรงนี้ระดับความระเอียดนี้เป็นระดับความถี่ของขั้นมิติทิพย์ ดังนั้นต่อมนี้จึงมีหน้าที่รับสัญญานคลื่นภายนอกที่มีความละเอียดเกินความละเอียดในระบบโลกธาตุ ต่อมนี้จึงเป็นคล้ายประตูเปิดรับคลื่นของระบบทิพย์ เมื่อลองเอาจิตจับคลื่นที่เข้ามาอีกที ธรรมชาติความสามารถ การฝึกฝนที่ผ่านมาในตัวเราจะแยกคลื่นออกมาได้ชัดมากขึ้น คลื่นใดอยู่ในระดับโลกธาตุจะตีค่าออกมาเป็นภาพที่ตาเนื้อ หรือออกมาเป็นเสียงทางหู ออกมาเป็นรสทางลิ้น ออกมาทางกายสัมผัส ทางผิว ของระบบกายเนื้อ คลื่นใดที่เข้ามาละเอียดจนตาเนื้อหรือประสาทส่วนอื่นไม่สามารถรับได้ จะเป็นหน้าที่ของต่อมไพเนียล ค่าที่ดีตีออกมาปรากฎภาพและเสียง รวมทั้งความรู้สึกในระบบทิพย์ที่เราเรียกว่า หูทิพย์ ตาทิพย์ นั้นเองการที่เรามองสภาวะทิพย์ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อแต่เราเห็นด้วยการรับคลื่นสัญญาที่ต่อมไพเนียลสามารถรับได้ส่งไปยังจิตตีความออกมาเป็นภาพ เสียงความรู้สึกของการสัมผัส ซึ่งจะได้ละเอียด ชัด ต่อเนื่องเท่าใดอยู่ที่ การfocus ของต่อมไพเนียล ความสงบ มีสติ กำลังของจิต การฝึกฝนและประสบการณ์ประกอบกันซึ่งคลื่นทั้งหมดเหล่านี้ มีอยู่ในธรรมชาติและเข้ามากระทบพวกเราตลอดเพียงแต่ธรรมชาติของต่อมไพเนียลของแต่ละคนจะรับได้แค่ไหน (ทั้งที่ที่จริงมันสามารถรับได้ เป็นธรรมชาติที่ทุกคนมีอยู่แล้ว) ในบุคคลทั่วๆไปจะสามารถรับคลื่นทางทิพย์ได้ เห็นเป็นภาพหรือบางครั้งสื่อสารกับระบบทิพย์ได้ ก็ตอนนอนหลับและฝันขึ้นมา เพราะเป็นช่วงเวลาที่ประสาทส่วนอื่นพักการทำงาน ทำให้ระบบต่อมไพเนียลนี้สามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ (แต่ต้องเป็นฝันที่ไม่ไดเกิดจากการผิดปกติของร่างกาย และเป็นฝันที่ชัดเจนและต่อเนื่อง เมื่อตื่นขึ้นมายังสามรถจดจำความฝันนั้นได้)พอมาถึงตรงนี้ ยิ่งเข้าใจมากขึ้น ว่า "ตา 3 ก็คือความสามารถศักยภาพของต่อมไพเนียลในการรับคลื่นของสิ่งแวดล้อมที่มีคุณสมบัติของคลื่นที่ละเอียดในระดับทิพย์และส่งสัญญาณไปที่จิตที่มีกำลังที่ได้รับการฝึกฝน รู้จักการวางจิตนิ่ง สงบ สามารถรับรู้คลื่นนั้นอย่างเสถียรได้อย่างต่อเนื่อง และยิ่งถ้าเรา ฝึก Focus ที่ต่อมไพเนียล เราจะมีความสามารถในการจับคลื่นที่เข้ามาและแยกแยะออกได้มากเท่าใดการเห็นการสื่อสารกับระบบทิพย์ก็จะยิ่งทำได้ชัดเจนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในทางทิพย์ ตำแหน่งนี้เราจึงเรียกว่า จุดหยั่งรู้ นั้นเอง"จำไวว่า ระบบร่างกายเนื้อ ถ้าทำงานประสานกับจิตที่มีกำลังและได้รับการฝึกฝน จะยิ่งทำให้จิตมีการพัฒนาในระบบทิพย์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เมื่อยังมีกายเนื้อจึงถือว่าเป็นเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับการเรียนรู้การพัฒนาเข้าสู่ระบบทิพย์ ขอขอบคุณ : ภาพหน้าปกจาก geralt/pixabay และ fszalai/pixabay, ภาพที่ 1 จากgeralt/pixabay , ภาพที่ 2 จากOpenClipart-Vectors/pixabay , ภาพที่ 3 จากfszalai/pixabay , ภาพที่ 4 จากfszalai/pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !