วันพืชมงคลประจำปีนี้คือ วันที่ 17 พฤษภาคม 2566 หรือเรียกอีกชื่อว่า "พิธีแรกนา" เป็นประเพณีไทยดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่อดีตโดยจะมีพระมหากษัตริย์เป็นประธานในพิธี จนมาถึงสมัยอยุธยาได้เปลี่ยนเป็นให้ผู้แทนพระองค์เป็นผู้ออกอำนาจแทนพระมหากษัตริย์ ซึ่ง "พิธีแรกนา" ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวันเริ่มต้นในการเพาะปลูกของเกษตร และเป็นพิธีกรรมเพื่อขอให้การเพาะปลูกในปีนี้อุดมสมบูรณ์ และเมื่อเรานึกถึงความเก่าแก่ของวันพืชมงคลแล้ว เราก็นึกถึงเมืองเก่าอยุธยาซึ่งมีประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี ไม่แพ้กับประเพีพืชมงคลเลยทีเดียว ซึ่งปลายทางวันนี้ของเราอยู่ที่ "วัดใหญ่ชัยมงคล" “วัดใหญ่ชัยมงคล” หนึ่งในวัดที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก โดยวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดของเราก็คือเดินทางตาม gps ซึ่งเราใช้ระยะเวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย สิ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนคือป้ายชื่อของวัดขนาดใหญ่ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งในวันที่เราไปนี้จะเห็นว่ามีรถบัสหลายขั้นจอดอยู่บริเวณที่จอดรถด้านนอก ส่วนเราซึ่งมาถึงวัดในช่วงสายแล้วก็ต้องค่อย ๆ ต่อแถวไปหาที่จอดรถข้างทางกัน กว่าจะได้ที่จอดรถก็ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว บริเวณที่เราเข้าไปยัง “วัดใหญ่ชัยมงคล” จะอยู่ตรงข้ามกับศาลสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งจะมีสะพานข้ามแม่น้ำไปยังบริเวณวัด บริเวณทางเข้าด้านหน้าของวัดจะมีจุดให้ทำการบูชาดอกไม้ธูปเทียนกันก่อน ซึ่งในชุดก็จะประกอบไปด้วยดอกบัว ธูป เทียน และแผ่นทองคำเปลว เมื่อเราได้เครื่องบูชาแล้ว เราก็จะมาทำการนมัสการพระพุทธชินราชซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของจุดจำหน่ายชุดบูชา ซึ่งบริเวณนี้ก็จะมีผู้คนเยอะมาก โดยคำบูชาพระพุทธชินราชมีดังนี้ ตั้งนะโม 3 จบอิเมหิ นานาสักกาเรหิ อภิปูชิเตหิทีฆายุโก โหมิ อะโรโค สุขิโต สิทธิกัจจังสิทธิกัมมัง ปิยังมะมะ ประสิทธิลาโภชะโย โหตุ สัพพัททา พุทธชินะราชาอภิปะเลนตุมัง นะโมพุทธายะ หลังจากนั้นเราก็ต้องไม่ลืมไปนมัสการ “พระพุทธชัยมงคล” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในด้วยเช่นกัน เมื่อทำบุญไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาของการไปสำรวจวัดกัน ซึ่งบริเวณภายในวัดก็มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งที่เป็นจุดเช็กอินที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด โดยจุดแรกที่เราสังเกตเห็นได้ชัดตั้งแต่เข้ามายังบริเวณวัดนั้นก็คือ “พระเจดีย์ชัยมงคล” เนื่องจากมีความสูงถึง 62.10 เมตร ทำให้เป็นจุดสนใจตั้งแต่แรกเห็น และ “พระเจดีย์ชัยมงคล” นี้ก็สามารถที่จะเดินขึ้นบันไดเพื่อไหว้พระที่อยู่ด้านในได้ด้วย (โดยในระหว่างที่เราเดินขึ้นไปด้านบนอาจจะต้องระมัดระวังกันสักหน่อยเนื่องจากบันได้มีความชัน หากเดินไม่ระวังอาจพลัดตกหรือเกิดอุบัติเหตุได้ ) เมื่อเราเดินขึ้นไปไหว้พระที่อยู่ใน “พระเจดีย์ชัยมงคล” แล้วก็สามารถเดินบริเวณรอบ ๆ เจดีย์เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของเมืองเก่าแห่งนี้ได้อีกด้วย รับรองว่าสวยงามแน่นอน และเมื่อเราเดินกลับลงมายังด้านล่างของ “พระเจดีย์ชัยมงคล” บริเวณโดยรอบก็จะมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยอยู่เรียงรายกันเป็นแนวยาว บ่งบอกถึงความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อศาสนาพุทธได้เป็นอย่างดีเมื่อเดินรอบ “พระเจดีย์ชัยมงคล” มาเรื่อย ๆ จนถึงทางออกอีกฝั่งหนึ่ง ก็จะพายัง “วิหารพระพุทธไสยาสน์” ซึ่งเป็นองค์สีขาวคลุมองค์พระด้วยจีวรสีเหลือง โดยเชื่อกันว่าหากได้ห่มผ้าองค์พระจะได้เรื่องของเมตตามหานิยม ความสำเร็จ และแคล้วคลาดต่าง ๆ ซึ่งเราก็ไม่รอช้าที่จะนมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีบทบูชาดังนี้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่ายัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง ยัมหิ เจวานุยุญชันโตรัตตินทิวะ มะตันทิโต สุขัง สุปะติ สุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติเอวะมาทิคุณู เปตัง ปะริตตันตัมภะณามะเหฯ (สวดวันละ 1 จบ หรือ 8 จบ)เมื่ออิ่มบุญเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องบอกลา "วัดใหญ่ชัยมงคล" เสียที หากใครแวะมาอยุธยาอย่าลืมแวะมา "วัดใหญ่ชัยมงคล" กันนะคะแผนที่ วัดใหญ่ชัยมงคลเวลาทำการ ทุกวัน 08.00 - 17.00 น.ค่าเข้าชม คนไทยฟรี ต่างชาติคนละ 20 บาท***เป็นภาพที่ถ่ายเองจากสถานี่จริง***กำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !