หากจะกล่าวถึงไฉ่ซิงเอี๊ยแล้ว ส่วนใหญ่จะต้องนึกถึงพิธีไหว้ในช่วงตรุษจีน ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่นิยมกันโดยทั่วไป แต่เราสามารถกราบไหว้ท่านได้ตลอดทั้งปี ยิ่งสม่ำเสมอก็ยิ่งดี ไม่จำเป็นต้องรอตรุษจีนสำหรับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยนั้นเป็นเทพในทางเต๋าที่มาจากห้องสิน โดยมีองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อยู่ในตำแหน่งสูงสุด มิได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับทางพุทธศาสนา แม้บ้างอาจกล่าวอ้างว่าองค์เง็กเซียนฮ่องเต้นั้นปรากฏอยู่ในไซอิ๋วและมีบทบาทที่เป็นรองพระยูไล ซึ่งระหว่างห้องสินและไซอิ๋วต่างก็เป็นการข่มกันระหว่างพุทธกับเต๋า โดยหากเปรียบกันแท้จริงระหว่างองค์เง็กเซียนฮ่องเต้และพระพุทธเจ้า ต่างก็อยู่บนจุดสูงสุดด้วยกันทั้งคู่แต่แตกต่างกันที่ลัทธิโดยก่อนอื่นคงต้องแยกเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยออกเป็นสองปางเสียก่อน เพราะจะสังเกตได้ว่าเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยระหว่างปางบุ๋นกับปางบู๊นั้นดูช่างไม่ละม้ายคล้ายจะเป็นเทพองค์เดียวกันเสียเลย นั่นก็เพราะว่าสองปางนี้ต่างก็คือเทพคนละองค์ แต่อยู่ในตำแหน่งไฉ่ซิงเอี๊ยเช่นเดียวกันไฉ่ซิงเอี๊ยปางบุ๋น จะมีลักษณะเหมือนขุนนางจีนโบราณมีเครื่องแต่งกายสีแดง มักถือก้อนทอง หรือป้ายอวยพร และมียู่อี่ ซึ่งไฉ่ซิงเอี๊ยปางนี้มีนามว่า ปี่กัน แต่เดิมปี่กันคืออัครมหาเสนาบดีที่ภักดีต่อฮ่องเต้เป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยฮ่องเต้กลับลุ่มหลงนางสนมเอกคนหนึ่งซึ่งเป็นปิศาจปลอมตัวมา ปี่กันได้พยายามกล่าวทัดทานฮ่องเต้อยู่หลายครั้งจนทำให้ตัวเองต้องเสียทีต่อปิศาจนางนี้ โดยก่อนที่ปี่กันจะถูกปิศาจหมายเอาชีวิต เจียงไท่กงซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้แต่งตั้งเทพเจ้าห้องสินได้มีญาณหยั่งรู้เรื่องนี้ล่วงหน้า จึงได้แปลงกายเป็นชายชรานำยาวิเศษมาให้ปี่กัน หลังจากนั้นปี่กันจึงถูกฮ่องเต้เรียกเข้าพบ เนื่องจากปิศาจที่แปลงเป็นนางสนมนั้นหลอกฮ่องเต้ว่าตนป่วย และต้องการยารักษาโดยยานั้นก็คือหัวใจของปี่กันนั่นเอง ทำให้ปี่กันที่เข้าพบฮ่องเต้ต้องถูกควักหัวใจออกมา แต่ด้วยยาวิเศษที่เจียงไท่กงให้กินไว้ก่อนหน้าทำให้ปี่กันไม่ตาย แต่ก็กลายเป็นคนที่ไม่มีหัวใจ และถูกแต่งตั้งให้เป็น ไฉ่ซิงเอี๊ยสำหรับไฉ่ซิงเอี๊ยปางบู๊จะมีลักษณะกายสีดำหรือสีเข้ม มือถือกระบอง และมีเสือดำอยู่คู่กาย ไฉ่ซิงเอี๊ยปางนี้มีนามว่า เจ้ากงหมิง ซึ่งเจ้ากงหมิงบำเพ็ญพรตอยู่บนเขาจนสำเร็จเป็นเซียน ชำนาญในด้านการต่อสู้โดยมีสมุนคู่ใจคือเสือ และมีอาวุธวิเศษมากมาย ด้วยความมั่นใจในตัวเอง จึงเดินทางไปหาเจียงไท่กง และใช้กำลังขู่เข็ญขอให้ตนเป็นไฉ่ซิงเอี๊ย จึงเกิดการต่อสู้กับเจียงไท่กง แต่เจียงไท่กงกลับแพ้ และติดอยู่ในกับดักของเจ้ากงหมิง จึงต้องออกอุบายกับเจ้ากงหมิงว่า ปัจจุบันได้แต่งตั้งปี่กันให้เป็นไฉ่ซิงเอี๊ยไปแล้ว จึงไม่อาจจะแต่งตั้งตำแหน่งซ้ำกันได้ หากต้องการตำแหน่งนี้ก็ต้องสังหารปี่กันด้วยการควักหัวใจออกมาเท่านั้น ตำแหน่งจึงจะว่าง เจ้ากงหมิงจึงส่งเสือไปตามล่าปี่กันเพื่อสังหาร แต่ทว่าเมื่อเสือพบกับปี่กันและพยายามควักใจปรากฏว่าปี่กันไม่มีหัวใจเสียแล้ว จึงต้องกลับมาหาเจ้ากงหมิง แต่ที่สุดเจียงไท่กงก็ยอมยกตำแหน่งไฉ่ซิงเอี๊ยให้เจ้ากงหมิงอีกเป็นพิเศษ พร้อมมอบของวิเศษให้สี่อย่าง คือ เจียป้อ หนับเตียง เจียใช้ และ หลี่ฉี ซึ่งของทั้งสี่นี้มีไว้เพื่อเรียกเงินเรียกทอง เจ้ากงหมิงจึงสำเร็จเป็นไฉ่ซิงเอี๊ยในฝ่ายบู๊ไฉ่ซิงเอี๊ยทั้งสองปางนั้นมีอานุภาพพื้นฐานคือเรื่องของการเรียกเงินทองด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ในฝ่ายบุ๋นนั้นมักเชื่อว่าจะทำมาค้าขึ้น ในขณะที่ฝ่ายบู๊เชื่อว่ามีฤทธิ์เดชเรียกเก็บหนี้ และออมเงินได้ดี แต่หากดูตามความเป็นมาแล้ว ฤทธิ์เดชของทั้งสองปางย่อมเหมือนกัน สุดแท้แต่ผู้บูชาต้องการ ดังนั้นหากจะบูชาไปเลยทั้งสองปางก็ย่อมได้ในส่วนของการบูชานั้น แยกเป็นส่วนของการบูชาในวันตรุษจีนกับวันธรรมดา การไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ยในวันตรุษจีนแบบดั้งเดิมนั้นมีของที่ใช้เตรียมไหว้เบื้องต้น ได้แก่น้ำมันพืช 1 ถ้วยเล็กน้ำตาลทราย 1 จานเล็กข้าวสาร 1 จานเล็กผลไม้ 1 อย่าง เช่น ส้ม, สัปปะรด, ทับทิม เป็นต้นถ้วยน้ำชา 5 ถ้วยน้ำชา 1 กาธูป และกระถางธูปซึ่งจะสังเกตได้ว่าเป็นของในครัวนั่นเอง หากมีของไหว้มากกว่านี้ก็สามารถจัดเรียงเพิ่มได้ ส่วนกระดาษเงินกระดาษทองแล้วแต่พิจารณาเพราะบ้างก็ว่าท่านเป็นเทพแห่งเงินตราใยต้องการเงินทองอีกเล่า โดยการไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ยนั้นให้จัดโต๊ะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จัดเรียงของไหว้ทั้งหมดตามสะดวก เมื่อถึงเวลา 5 ทุ่มให้ทำการจุดธูปลงในกระถาง และรินน้ำชาทั้ง 5 ถ้วยเป็นจำนวน 4 ครั้ง โดยรินต่อกันไม่ต้องเททิ้ง ดังนั้นต้องกะปริมาณน้ำชาที่เทลงไปให้ดี เริ่มรินครั้งแรกเวลา 5 ทุ่ม, ครั้งที่ 2 เวลา 5 ทุ่มครึ่ง, ครั้งที่ 3 เวลาเที่ยงคืน และครั้งสุดท้าย เวลาเที่ยงคืนครึ่ง เมื่อถึงเวลาตี 1 จึงเก็บโต๊ะ เป็นอันเสร็จพิธี ครบตามเวลายามหนึ่งสำหรับการไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ยในวันธรรมดา เริ่มจากการจัดวางไฉ่ซิงเอี๊ยบนที่บูชา เนื่องจากเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยไม่ได้มาจากทางพุทธดังนั้นหากวางรวมกันในโต๊ะหมู่บูชาแบบทางพุทธก็สุดแท้แต่มุมมองของผู้บูชาไม่มีกฎตายตัว และการไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ยไม่ได้ระบุไว้ว่าจะต้องถวายด้วยอาหารเจ โดยเฉพาะในปางบู๊เพราะบ้างก็ว่าเนื้อสัตว์นั้นถวายไว้สำหรับเสือของไฉ่ซิงเอี๊ยปางบู๊ สำคัญที่สุดคือน้ำเปล่าหรือน้ำชา 5 ถ้วย ซึ่งจะไหว้และถวายทุกวัน หรือเฉพาะวันพระจีน ฯลฯ แล้วแต่ความสะดวกของผู้บูชาทั้งหมดนี้จึงเป็นแนวทางให้กับท่านที่สนใจในการบูชาเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย โดยไม่ต้องรอตรุษจีน ซึ่งเลือกได้ทั้งปางบุ๋นและปางบู๊หรือจะเลือกคู่กันคูณสองก็ย่อมได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลเสริมดวงด้านการเงินเป็นพิเศษขอบคุณภาพประกอบภาพปก pixabay - 硝破ภาพ 1 ICONSIAM งานตรุษจีนปี พ.ศ. 2564ภาพ 2 ผู้เขียนภาพ 3 Wikimedia Commons - Candyjiภาพ 4 ผู้เขียนภาพ 5 flickr - gunman47ร่วมเสพบทความ หนัง ซีรีส์ และเพลงใหม่ ๆ สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !