ขอพูดตรงๆอย่างไม่อายเลยนะคะ ครั้งแรกที่ผู้เขียนรู้จักวัดพระธรรมกายคือ 8 ปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นผู้เขียนรู้สึกมืดหม่นและว่างเปล่ามากๆ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม ตอนนั้นผู้เขียนรู้สึกไม่มีความสุขเลยค่ะ และมีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นผู้เขียนอายุแค่ 17 ปีเองค่ะ กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 ของโรงเรียนขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต และมีชื่อเสียงมากๆค่ะ แต่ผู้เขียนเรียนในโรงเรียนเอกชนมาตลอด รู้สึกปรับตัวไม่ได้ในโรงเรียนรัฐบาลที่มีสังคมระดับทุกชนชั้นที่แข่งขันกันและไม่สนใจกันอย่างรุนแรง แล้วพอกลับมาที่บ้าน พ่อแม่ก็ไม่เข้าใจค่ะ เพราะทำงานหนัก ปัญหาภายในและภายนอกรุมเร้ามากๆ แต่ตอนนั้น เราคิดว่า...ไหนๆเราก็จะตายแล้ว ลองเสิร์จหาในกูเกิลดีกว่าว่าคนเราตายแล้วไปไหน ตายแล้วจะมีความสุขหรือเปล่า และก็เจอคำสอนของหลวงพ่อธัมมชัยโย ที่ช่วยให้ผู้เขียนมีชีวิตอยู่ต่อถึงทุกวันนี้ค่ะ ว่าบาปบุญคืออะไร ถ้าฆ่าตัวตายแล้วมันจะเป็นบาปหนัก ต้องตกนรกขุมที่ 1 และต้องถูกบังคับให้ฆ่าตัวตายในนรกซ้ำแล้วซ้ำอีกในนรกขุมนั้นส่วนตัวของผู้เขียนเกือบจะไม่เชื่อแล้วค่ะว่าบุญมีจริง บาปมีจริง สวรรค์มีจริง นรกมีจริง เกือบจะคิดว่าเรื่องของพระพุทธเจ้าก็เป็นแค่เรื่องที่แต่งมาภายหลังเพื่อให้มนุษย์หวาดกลัวความชัั่วเท่านั้นเอง และเกือบจะคิดว่าคนเราตายแล้วสูญ ทั้งๆที่ผู้เขียนมีความเชื่อเรื่องบาป บุญ โลกหลังความตายมาตลอดชีวิต เกือบจะกลายเป็นมิจฉาทิฐิแล้วค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆหลังจากฟังธรรมมะ คำสอนของหลวงพ่อธัมมชัยโยบ่อยๆ ผู้เขียนก็ทำตามคำสอนหมดทุกอย่างค่ะ ทาน ศีล ภาวนา ทำทุกอย่างไม่ให้ขาด ตอนนั้นเรียกได้ว่าตื่นเช้ามาทำบุญตักบาตรพระทุกรูปที่เดินผ่านทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ผู้เขียนเป็นคนเก็บตัวค่ะ ไม่ค่อยชอบออกจากบ้านมากเท่าไร เพราะรู้สึกไม่ชอบสายตาคนอื่นที่จับจ้องมา บวกกับไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆ เพราะจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แต่ผู้เขียนยอมเปิดประตูตีห้า ตื่นเช้าไปตักบาตรทุกเช้าเลยค่ะ แล้วก็รักษาศีลห้า และศีลแปดตามโอกาส และไม่พลาดที่จะสวดมนต์นั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืนค่ะทำแบบนั้นอยู่เป็นปีจนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มห่างบุญห่างวัดไม่ได้ทำอีกค่ะ เพราะต้องแบ่งเวลาไปอ่านหนังสือสอบ แต่ก็มีโอกาสได้เข้าวัดทำบุญ และถวายทุนการศึกษาให้สามเณรจำนวน 6,000 บาท สำหรับทุนการศึกษาให้สามเณรที่บวชได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ และเอาความรู้ทางพระพุทธศาสนาไปเผยแพร่ให้คนที่ไม่รู้ที่นั้นค่ะครั้งแรกที่ผู้เขียนเข้าวัดธรรมกาย วัดดูสะอาด และคนก็นั่งกันเรียบร้อย ไม่มีใครคุยกันค่ะ ปฏิบัติจริงจัง ครั้งแรกที่ไป ไปกับพี่ชายค่ะ พี่ชายเคยบวชที่วัดพระธรรมกาย 3 เดือนแบบบวชช่วงสั้นค่ะ ผู้เขียนเป็นคนที่ดีขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น อารมณ์ร้อนน้อยลง มีสติมากขึ้น และนิ่งขึ้นค่ะล่าสุดก็มีเหตุการณ์อัศจรรย์ใจเกิดขึ้นกับผู้เขียนค่ะ บ้านที่ขายไม่ได้มา 9 ปี ของแม่ผู้เขียน ขายได้ทันทีที่ผู้เขียนอธิษฐานกับคุณยายว่า...ถ้าขายได้จะเอาเงินไปทำบุญ สร้างองค์พระ ถวายปัจจัยเป็นเงิน 4 หมื่นบาท ซึ่งตอนนั้นก็ขายได้จริงๆค่ะ ไม่เกินสามวัน ทางผู้ซื้อก็นัดโอนมา ทั้งๆที่บ้านระแวกนั้นที่ติดกัน 7-8 หลัง ขายไม่ได้ และบางหลังก็มีธนาคารทำการยึดไปแล้วค่ะ แล้วผู้เขียนก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณยายอาจารย์จริงๆค่ะ คือบริจาคเงินไป 4 หมื่นบาทในการปูกระเบื้องเพื่อเป็นปูชนียสถานตอนนั้นสำหรับหลวงปู่ค่ะ เพราะถือว่าเป็นบุญใหญ่ สลักชื่อของผู้เขียน ครอบครัวของผู้เขียนและญาติของผู้เขียนค่ะผู้เขียนทำบุญเพื่อหวังว่าผลบุญจะติดตามผู้เขียนไปในภพชาติเบื้องหน้า ให้ผู้เขียนไม่ห่างจากวัด ไม่ห่างจากบุญและเกิดมาพบเจอพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาค่ะ เพื่อไม่ให้ผู้เขียนไปทำกรรมหนัก หรือประกอบอกุศลกรรมบถเพราะความไม่รู้ค่ะผู้เขียนขอให้ทุกคนที่อ่านมีความสุขและมีบุญเพิ่มยิ่งๆขึ้นไปนะคะ อนุโมทนาสาธุบุญกับคนที่ไม่ประมาททุกคนค่ะ บุญมีจริง บาปมีจริง ผลของบุญมีจริง ผลของบาปมีจริง นรกมีจริง สวรรค์ก็มีจริงค่ะ ผู้เขียนขอให้ทุกๆคนโดยไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ มีความสุขถึงพร้อมด้วยความสุข จนกระทั่งเข้าพระนิพพานนะคะ ส่วนใครที่ไม่ชอบความคิดเห็นของผู้เขียนก็ขอให้คอมเม้นกันมาอย่างสุภาพนะคะ แต่นี้คือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนจริงๆค่ะ ผู้เขียนคงฆ่าตัวตายไปแล้วถ้าไม่ได้ไปเจอช่อง DMC หรือบทความของพระธรรมกายค่ะสำหรับคนอื่นนั้นทำบุญเพราะเหตุผลอะไร ผู้เขียนก็ไม่อาจทราบได้หรอกค่ะ แต่สำหรับผู้เขียนนั้น ผู้เขียนทำทานเพื่อกำจัดความตระหนี่และเพื่อที่จะไม่ประมาทและเพื่อที่จะเอาบุญไปในภพชาติเบื้องหน้าได้ค่ะ เพราะพอตายแล้ว คนเราก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลยค่ะทุกคนก็อย่าประมาทในชีวิตด้วยความคิดว่าชีวิตคนเรายังเหลืออีกมากและหลงมัวเมาจนรู้อีกทีเราก็แก่แล้วเราก็ตายนะคะ เพราะถ้ารอให้ถึงเวลานั้น เราก็คงไม่มีโอกาสได้ทำบุญหรือทำความดีอีกแล้วในโลกนี้ หลวงพ่อมักจะสอนเสมอว่าเวลาที่มีอยู่บนโลกมนุษย์นั้นมีจำกัด เหมือนกับคำสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่ว่า...ชะราธัมโมหิ ชราอะนีโต เราหนีความแก่ไปไม่ได้มรณะธัมโมมหิ มรณังอะนะตีโต เราหนีความตายไปไม่ได้ผู้เขียนขอพรแล้วเห็นผลทันตาจริงๆ ก็อยากให้ทุกๆคนเข้าวัด ทำบุญความดี ฟังเทศน์ฟังธรรม และประสบผลสำเร็จในทุกคำปรารถนาที่ขอนะคะ และถ้าไม่สะดวก ติดธุระ ติดงาน อยู่ไกลจากบ้าน ไม่เฉพาะวัดธรรมกายก็ได้ค่ะ วัดแถวๆบ้านหรือพระที่เดินผ่านหน้าบ้าน เราก็ตักบาตรได้ค่ะ ผู้เขียนมักจะตักบาตรบ่อยๆจนพระแถวบ้านจำหน้าผู้เขียนได้ตอนออกไปซื้อกับข้าวกลับมาที่บ้านแล้วค่ะขอขอบคุณเครดิต รูปภาพ หน้าปกรูปภาพประกอบที่ 1-7 โดยผู้เขียนเอง