วัดอัมพวันมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจากหลักฐานจากการถวายตู้พระไตรปิฏกเมื่อปีพ.ศ.๒๒๐๐ และพ.ศ.๒๓๑๐มีลักษณะลายรดน้ำ ลายรามเกียรติ์ และตามหลักศิลาจารึกพระครูญาณสังวรประกอบกับคนจีน ผรั่ง ฮอลันดาซึ่งมีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาต่อท่านพระครูญาณสังวรได้สร้างโบสถ์ถวายเป็นทรงจีนและคล้ายทรงไทยพร้อมเครื่องลายครามมากมาย หลังจากนั้นก็ได้มีการก่อสร้างอุโบสถ หอประชุม ห้องน้ำอาคารลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ และที่พักพระภิกษุสงฆ์รวมไปถึงผู้ปฏิบัติธรรมและกุฎิวิทยากร แบ่งแยกเป็นโซนๆ ได้อย่างลงตัว วัดอัมพวันรับปฏิบัติธรรมตลอดทั้งปีให้แก่ผู้สนใจทั้งเพศชาย หญิง เลือกลงทะเบียนได้ ๒ ช่องทาง๑)ทางออนไลน์ www.amphawan.net๒)ลงทะเบียนที่วัดห้วงในการปฏิบัติธรรมมีให้เลือก ๒ รอบ๑)รอบวันโกน (๗ วัน) เดินทางมารายงานตัวในวันโกน ก่อนเวลา ๑๖.๐๐ น๒)รอบวันศุกร์ ( ๓ วัน) เดินทางมารายงานตัวในวันศุกร์ ก่อนเวลา ๑๖ .๐๐ น เข้าแถวลงทะเบียนนำบัตรประชาชนเสียบในเครื่องสแกนจะได้ใบสมัครที่ลงทะเบียนทางออนไลน์ไว้และนำมาลงชื่อ ส่วนใครที่มาลงทะเบียนที่วัดก็นำบัตรประชาชนไปเสียบในเครื่องเช่นเดียวกันและกรอกใบสมัครให้ครบถ้วนและนำไปยื่นให้เจ้าหน้าที่จะได้รับบัตรสีเหลือง(สำหรับผู้มาครั้งแรก)ในบัตรจะบอกที่พัก บัตรสีฟ้าเป็นผู้มาปฏิบัติธรรมครั้งที่ ๒ ขึ้นไป รับบัตรมาแล้วปิดไว้ที่หน้าอกในทุกๆ วันเมื่อเข้าปฏิบัติธรรม ไปรับชุดขาว เข็มกลัด สายรัดเอว ผ้าสไบ ครบแล้วเข้าที่พักและเตรียมตัวเข้าปฏิบัติธรรมในช่วงเวลา ๑๘.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.ที่พักนอนเป็นห้องโล่งนอนรวม วันแรก พระคุณเจ้าเป็นวิทยากร บรรยายธรรมรายละเอียดดังนี้๑. การนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าบริบทคำว่ายุบมีสติให้รู้ตัวว่าหายใจเข้ากำหนดลมหายใจออกบริบทคำว่าหนอมีสติให้รู้ตัวว่าลมออก๒. การยืนกำหนดลมหายใจเข้าบริบทคำว่ายืนกลั้นลมหายใจยาวๆ มีสติให้รู้ตัวว่าลมหยุดอยู่ที่สะดือพร้อมกับคำว่ายืนกำหนดลมหายใจบริบทคำว่าหนอสติไปอยู่ที่เท้าพร้อมกับคำว่าหนอกำหนดลมหายใจย้อนกลับมาบริบทคำว่ายืนสติอยู่ที่สะดือและบริบทคำว่าหนอปล่อยลมหายใจออกหมุนเวียนอยู่จำนวน(๕ ครั้ง)๓. การเดินกำหนดลมหายใจเข้าขณะยกเท้าขวาขึ้นบริบทคำว่ายกให้รู้ตัวสติอยู่ที่เท้าขวาและย่างเท้าขึ้นให้บริบทคำว่าย่างให้มีสติรู้ตัวอยู่ที่เท้าขวาเมื่อเท้าขวาลงพื้นบริบทคำว่าหนอให้รู้ตัวสติอยู่ที่เท้าขวาเท้าซ้ายทำเช่นกัน๔. การกลับยกและหนุนเท้าขวาไปทางขวาบริบทคำว่ากลับและเมื่อเท้าขวาแตะพื้นบริบทคำว่าหนอให้รู้ตัวสติอยู่ที่เท้าขวายกเท้าซ้ายหมุนมาทางขวาบริบทคำว่ากลับและเมื่อเท้าซ้ายวางที่พื้นบริบทคำว่าหนอให้รู้ตัวสติอยู่ที่เท้าซ้าย การฝึกปฏิบัติ การนั่งสมาธิ การเดินจงกรมใช้เวลาครั้งละ ๓๐ นาที การกลับหนอและการยืนหนอเป็นส่วนประกอบของการเดินจงกรม ซึ่งต้องปฏิบัติวันละ ๔ รอบ ดังนี้ช่วงที่ ๑ ตั้งแต่เวลา ๐๔.๐๐ - ๐๗.๐๐ น.ช่วงที่ ๒ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.ช่วงที่ ๓ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.ช่วงที่ ๔ ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.พักรับประทานอาหาร 2 มื้อ งดอาหารเย็นเวลา ๐๗.๐๐น.พักรับประทานอาหารเช้าเวลา ๑๑.๐๐ น.พักรับประทานอาหารเที่ยง ขณะปฏิบัติธรรมอนุญาตให้เข้าห้องน้ำได้แต่ห้ามใช้โทรศัพท์(ยกเว้นถ้ามีเหตุจำเป็น)หรือใครจะไปปฏิบัติ(เดินจงกรม)นอกตึกเช่นใต้ต้นไม้ ลานคอนกรีตพระอาจารย์ก็อนุญาตพอครบ ๓๐ นาที พระอาจารย์จะแจ้งโดยใช้เสียงบอกกล่าว บริบทคำว่าเสียงหนอๆๆ ให้เปลี่ยนจากการนั่งสมาธิเป็นเดินจงกรมรับอากาศเย็นสบายข้างนอกวัด เมื่อตัดสินไปปฏิบัติธรรมควรฝึกการตื่นนอนตอนเช้า(ตี ๓)ให้คุ้นชินถึงคราวปฏิบัติธรรมจะได้ไม่เหนื่อยเพลี่ยนั่งสัปหงกการปฏิบัติกรรมฐานจะได้ผลลัพธ์ดี แม้นว่าจะไม่มีใครตำหนิก็ตามผลเสียอยู่ที่เราไม่เกิดประโยชน์ได้ไม่คุ้มเสีย และไม่ได้ของดีกลับมาด้วยถ้าปฏิบัติธรรมได้รับรองได้ของดีกลับมาแน่นอนรูปปกโดยผู้เขียนเครดิตภาพที่ 1-11 โดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !