คืน "มาฆบูชา" 6 มีนาคม 2566 พุทธศาสนิกชนต่างไปร่วมประกอบศาสนพิธีตามวัดต่าง ๆ ส่วนผู้เขียนเลือกไปที่ "วัดป่าโนนนิเวศน์" ในตัวเมืองอุดรธานี ค่ะ...เพราะนอกจากจะเป็นการไปร่วมบูชาคุณพระรัตนตรัยในวันสำคัญทางศาสนาแล้ว ก็ยังเป็นการได้ไปรำลึกถึงคุณ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" "หลวงปู่หล้า เขมปัตโต" และ "หลวงปู่ภูมี ฐิตธัมโม" พ่อแม่ครูอาจารย์สายพระธุดงค์กรรมฐานที่เคยจำพรรษาหรือพำนักปฏิบัติสมณธรรมที่วัดแห่งนี้ด้วยค่ะ...ผู้เขียนจึงขอแบ่งปัน รีวิวไหว้พระ เวียนเทียน วันมาฆบูชา ครั้งนี้ พร้อมบุญกุศลและความสุขที่เต็มเปี่ยม มายังผู้อ่านทุกท่านค่ะสวดมนต์ ไหว้พระ เวียนเทียน ด้วยความตั้งใจ ภูมิใจ และเป็นสุข เมื่อทราบความสำคัญของวันมาฆบูชาเมื่อตระหนักว่า "วันมาฆบูชา" คือ...การบูชาใหญ่ในวันเพ็ญเดือนสาม เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ปีแรกของการประกาศพระศาสนา จากการมาประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมายของพระสงฆ์ 1,250 รูป ซึ่งล้วนเป็นพระอรหันต์ และเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานการบวชให้ด้วยพระองค์เอง) จากทั่วทุกสารทิศ เพื่อบูชาคุณและฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า...เรียกวันที่มีการประชุมรวมกันของ 4 องค์ประกอบพิเศษนี้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต"วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาฏิโมกข์" (คำสอนเรื่องธรรมที่ทำให้หลุดพ้น) ให้เป็นหัวใจของพระศาสนา (หลักการ 3 คือ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส) เป็นหลักปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ (อุดมการณ์ 4 คือ อดทนอดกลั้น ปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน ไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียน) และเป็นหลักคำสอนให้ศาสนิกชนปฏิบัติตาม (วิธีการ 6 คือ ไม่กล่าวร้าย ไม่ทำร้ายเบียดเบียน รักษาศีล มีความพอดี อยู่ในที่สงบสงัด ฝึกอบรมใจให้เกิดปัญญา) ผู้เขียนก็ยิ่งเห็นคุณค่าความสำคัญของการไปร่วมทำศาสนพิธีเพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย รวมทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ - พระอรหันต์ในยุคกึ่งพุทธกาล มีองค์หลวงปู่มั่นฯ เป็นที่สุด...ที่ท่านเสมือนเป็นองค์แทนที่แท้ทรูของพระศาสดา ถ่ายทอดหลักธรรมคำสอนในพระศาสนาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องและไม่แต่งเติมเสริมต่อ เพื่อประโยชน์ที่แท้ทรูแก่พุทธศาสนิกชนตาดำ ๆ รุ่นหลัง ๆ อย่างพวกเราค่ะ บรรยากาศการสวดมนต์ ไหว้พระ เวียนเทียน ที่วัดป่าโนนนิเวศน์บรรยากาศสบาย ๆ แต่ก็มีความขลังในตัว ด้วยเป็นสถานที่ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ เช่นองค์หลวงปู่มั่นฯ เคยจำพรรษาและประกอบศาสนกิจค่ะ...เสียงสวดมนต์ของคณะสงฆ์ที่วัด ก็ไพเราะน่าฟังค่ะพิธีเริ่มตอน 18:15 น. โดยมีการสวดมนต์ทำวัตรเย็นพร้อมคณะสงฆ์ ที่ศาลาวิสุทธิเมธาวัฒน์เมตตาสามัคคี - ศาลาประกอบพิธี ต่อด้วยการเวียนเทียนรอบศาลา และกุฏิองค์หลวงปู่มั่นฯ แล้วจึงนำดอกไม้ - เทียน - ธูป ไปปักบูชาหน้าวิหารหลวงปู่มั่นฯ จากนั้นก็กลับขึ้นศาลาไปรับพรจากคณะสงฆ์...จบพิธีประมาณ 19:30 น. ค่ะมีผู้คนไปร่วมการสวดมนต์ ไหว้พระ เวียนเทียน ที่วัดป่าโนนนิเวศน์ ประมาณ 20 คนค่ะ...วัดนี้เป็นเหมือนวัดที่เงียบสงบ ไม่ได้จัดงานใหญ่โตพิเศษ แต่ก็ทำทุกอย่างได้งดงามเรียบร้อยตามประเพณีของชาวพุทธ นับว่าเป็นความเมตตาของคณะสงฆ์ต่อชาวบ้านที่ไปอาศัยท่านเป็นเนื้อนาบุญมาก ๆ ค่ะ...ท่านมีดอกไม้จัดให้โยมที่ไม่ได้เตรียมดอกไม้ไป ด้วยนะคะ...คนที่ไปร่วมพิธี ต่างก็ไปด้วยความตั้งใจทั้งนั้น มีทั้งไปเดี่ยว ไปกันเป็นครอบครัว และไปกับกลุ่มเพื่อน...แต่ละคนแต่งตัวด้วยชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาว หรือเสื้อขาว มีอุปกรณ์คือ ดอกไม้ เทียน (บางคนมีธูปด้วย) พร้อมสรรพ...เห็นแล้วก็น่าโมทนาด้วยจริง ๆ ค่ะการสวดมนต์บูชาคุณพระรัตนตรัย ในคืนมาฆบูชา ที่วัดป่าโนนนิเวศน์บทสวดมนต์ทำวัตรเย็นสำหรับวันนี้ นอกจากบทสวดมนต์ทำวัตรปกติแล้ว ก็ยังมีบทพิเศษเพิ่มเข้ามาค่ะ...ประกอบด้วย 1. บทปุพพภาคะนะมะการ 2. บทสะระณะคะมะนะปาฐะ 3. บทสัมพุทเธ 4. บทนะโมการะอัฏฐะกะ 5. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 6. บทนมัสการพระอรหันต์ 8 ทิศ 7. บทอะตีตะปัจจะเวกขะณะ 8. บทกายคตาสติภาวนา 9. บทกรวดน้ำ 10. บทนมัสการรอยพระพุทธบาท 5 สถาน 11. บทแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล...และเพิ่ม บทบูชาเนื่องในวันมาฆบูชาบทบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา เป็นการสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าและสาวกอรหันต์ 1,250 รูป ในเหตุการณ์วันจาตุรงคสันนิบาตและการแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ในวันเพ็ญเดือน 3...ท่อนสุดท้ายจบที่ การอาราธนาองค์ท่านทั้งหลายมาอยู่ตรงหน้า และน้อมใจถวายเครื่องบูชาแด่ท่านทั้งหลาย...รู้สึกถึงความขลังเลยค่ะ ^_^การเวียนเทียน ในคืนมาฆบูชา ที่วัดป่าโนนนิเวศน์การเดินเวียนเทียนอยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบ (เข้ากับบรรยากาศวัดป่าค่ะ)...ตลอดทั้ง 3 รอบที่เดินเวียนเทียน ผู้เขียนก็น้อมรำลึกบูชาคุณพระรัตนตรัยและพ่อแม่ครูอาจารย์ มีองค์หลวงปู่มั่นฯ เป็นที่สุด ตามความหมายของบทพุทธคุณ (อิติปิโสฯ) ธรรมคุณ (สวากขาโตฯ) และสังฆคุณ (สุปฏิปันโนฯ)...สวดทั้งสามบทนี้ในใจ ทำให้การเวียนเทียนของเราสงบ มีพลัง และสุดซึ้งใจว่าเราอยู่กับสิ่งดีสิ่งวิเศษที่สุดในจักรวาลค่ะ การขอพรหลังจบพิธีกรรมสำหรับผู้เขียนแล้ว บทบูชาวันมาฆบูชาก็ถือเป็นพรที่ครอบคลุมแล้วค่ะ...อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเรามีเรื่องดี ๆ ที่หวังจะให้สมปรารถนา ผู้เขียนก็ทำตามที่พ่อแม่ครูอาจารย์สอน ก็คือ...ก่อนขอพรก็ตั้งใจทำความดีที่เป็นบุญกุศล ในที่นี้คือ ตั้งใจประกอบศาสนพิธีบูชาคุณพระรัตนตรัยและพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งนับเป็นบุญกุศลมาก ๆเมื่อประกอบบูชาเสร็จแล้ว อันดับต่อไปก็อุทิศบุญกุศลนั้นแด่พ่อแม่ ญาติ มิตร บริวาร ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ทั้งที่มีชีวิตและล่วงลับแล้ว ตลอดถึงเทพเทวดา เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลายเมื่อเราถวายความดีที่ทำเป็นการบูชาคุณพระรัตนตรัยและเผื่อแผ่ออกไปยังสรรพสัตว์ทั้งใกล้ไกลแล้ว ก็น้อมขอคุณอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเมตตาอำนวยพร และขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายเมตตาเปิดทางให้ค่ะ ก็เหมือนเป็นบุญกุศล 2 ชั้นค่ะ ที่หลังจากอธิษฐานจิตขอพร วางดอกไม้ - ปักเทียน บูชารอบวิหารองค์หลวงปู่มั่นฯ แล้ว คณะสงฆ์ก็เรียกให้ขึ้นไปทำพิธีกรวดน้ำ - รับพรอีกครั้งบนศาลาค่ะนับว่าเป็นมงคลยิ่ง ที่คืนนี้ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ อุดรธานี ที่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยพำนักอยู่ถึง 2 พรรษา...เราได้ทำตาม หัวใจ "คาถายูงทอง" คาถาศักดิ์สิทธิ์ที่องค์หลวงปู่มั่นฯ ท่านสอนให้ศิษยานุศิษย์ภาวนาเป็นประจำ แทนตะกรุด - ผ้ายันต์ คือ "นะมัตถุ พุทธานัง, นะมัตถุ โพธิยา, นะโม วิมุตตานัง, นะโม วิมุตติยา" (ความนอบน้อมบูชาของข้าพเจ้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระโพธิญาณ ผู้หลุดพ้นแล้วทั้งหลาย และ วิมุตติธรรม)...สาธุ สาธุ สาธุ.มรรษยวรินทร์ภาพทั้งหมดโดย มรรษยวรินทร์พิกัด วัดป่าโนนนิเวศน์ อ.เมืองอุดรธานีเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !