จะมีปีไหน ที่เราจะโชคดี ได้สักการะบูชา พระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐ์ฐานชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ในรัชกาล ที่ 10 ที่ผมคิดว่าเป็นบุญต่อประเทศไทยของเราเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่ว่าเราจะได้พบเจอเหตุการณ์สำคัญๆแบบนี้กันบ่อยๆ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 ปี ในความสัมพันธ์ทางการฑูต ไทย-จีน ปี 2568บทสวดบูชา พระบรมสารีริกธาตุ (ท่องนะโม ๓ จบ)พุทธะสารีริกา อัคคา จีนะรัฎฐา สะมาหะตา โลกะมังคะละสัมภูตา สิระสา ตัง นะมามิหัง อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย.และเพราะงานจัดในที่โล่งกว้าง เพียงพอที่จะรองรับจำนวนผู้คน ที่จะมาสักการะ พระเขี้ยวแก้ว ณ ท้องสนามหลวงแห่งนี้ ภานในงานบริเวณส่วนกลาง ถูกจัดให้เป็นที่ตั้งประดิษสถานพระเขี้ยวแก้ว ที่เราจะเรียกว่า มณฑป เพื่อศาสนิกชนจะได้เวียนรอบมณฑปได้โดยง่าย ซึ่งเขาจะจัดแยกกันต่างหาก เพื่อที่จะได้ไม่ชนกันเอง หรือไปกราบเท้าใครเข้า บริเวณรอบมณฑปนั้นก็จะประดับประดาไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับตลอดทั่วบริเวณภายในงาน เพิ่มมนต์ขลังภายในพิธี ณ ที่แห่งนี้ให้ดูศักดิ์สิทธิ์และเสริมสร้างศรัทธาให้กับผู้ที่มาร่วมงานได้รู้สึกยินดีปรีดาไปกับการอนุโมทนาบุญร่วมกันในครั้งนี้ การมากราบไหว้ทั้งที หากเราไม่รู้ประวัติลึกตื้นหนาบางอะไรเลย ก็จะกระไรอยู่ เดี๋ยวจะเข้าข่ายงมงายอะไรซะปล่าวๆ ดังนั้นผมก็จะขอเล่าแจ้งแถลงไขให้ทราบกันเพียงคร่าวๆ พระเขี้ยวแก้ว คือ พระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า ที่ยังเหลืออยู่จากการเผาพระสรีระไปแล้ว มีเพียงส่วน พระทันตธาตุเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ ว่ากันว่า ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน สองส่วนแรก คือ พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ประดิษฐานไว้ ณ ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งท้าวสักกะเป็นผู้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ และส่วน พระเขี้ยวเบื้องล่างซ้าย ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองบาดาล ของพญานาค ส่วนที่เหลือถือเป็นบุญแก่ชาวโลกที่เราได้มีโอกาสพบเห็นของจริงในโลกนี้เปรียบเหมือนเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พระพุทธเจ้ามีอยู่จริงและทิ้งหลักธรรมคำสอนไว้ให้เราได้ปฎิบัติตามคำสั่งสอนเพื่อให้หลุดพ้นวัฎจักรสงสารนี้ ซึ่ง พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา ถูกประดิษฐานไว้ที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว ในประเทศศรีลังกา ณ ปัจจุบัน และพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ปัจจุบันอยู่วัดหลิงกวง ประเทศปักกิ่ง และปัจจุบันถูกนำมาประดิษฐานชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง ประเทศไทย เนื่องในวันพระเฉลิมฉลองครบ ๖ รอบ ในหลวงรัชกาลที่ ๑o ของเราภายในงานยังอำนวยความสะดวก เต้นท์ติดแอร์ไว้ให้สำหรับเจ้าหน้าที่ และของประชาชนทั่วไป สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเจริญวิปัสนากรรมฐาน ได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งบริเวณที่เป็นหญ้าเทียมก็สามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจช่วงยามเย็นอากาศไม่ร้อนได้อีกด้วย นั่งฟังนั่งดูกันเพลินๆ อีกอย่างถ้าใครหิวน้ำ บริเวณด้านข้างเขามีจัดไว้ให้เข้าไปหยิบดื่มได้เลย แต่ห้ามเอาออกมานะครับ เอาออกมาไม่ได้เขาให้ดื่มภายในบริเวณที่เขาจัดไว้ให้เท่านั้น เพื่อความสะอาดภายในงานครับ สรุปแล้วงานนี้อิ่มอกอิ่มใจและเป็นบุญกับตัวเองที่ได้มีโอกาสไปเยือนเสมือนเป็นเครื่องเตือนใจถึงพระพุทธองค์ ให้เราคอยดำรงค์อยู่ในทางที่ดีงาม สาธุครับข้อพึงระวัง ควรสวมใส่ชุดที่ดูเรียบร้อย ไม่มีรอยขาด หรือ สั้นเกิน ห้ามพกพาอาวุธในที่สาธารณะ ห้ามนำเครื่องดื่มเข้ามาภายในงาน (เพื่อรักษาความสะอาดเรียบร้อย) และ สุดท้ายท้ายสุด ห้ามนำดอกบัวพลาสติกกลับบ้านนะครับ ขอบคุณครับ รูปภาพประกอบบทความทั้งหมด โดย ผู้เขียน ภาพปกประกอบบทความ โดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !