สายสิญจน์ขาด ควรทำอย่างไรดี ?จะทิ้งดีไหม เอ๊ะ ? หรือว่าเก็บไว้ที่หิ้งพระ หรือจะทิ้งได้ไหม ถ้าอยากทิ้งจะทิ้งอย่างไร ?มีใครเคยตั้งคำถามแบบนี้บ้างไหมครับ บางคนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรเมื่อสายสิญจน์ขาด หรือเก่าแล้วอยากตัดออกจากข้อมูล ได้แต่กล้า ๆ กลัว ๆ จะเกิดสิ่งที่ไม่ดีหรือน่ากลัวขึ้นกับตัวเองหรือเปล่าวันนี้ผมมารีวิว หรือแชร์ประสบการณ์ในส่วนตัวของผมเอง ก่อนอื่นต้องบอกทุกคนเลยว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อในเรื่องลี้ลับ หรือเรื่องที่วิทยาศาสตร์ต้องการที่จะหาคำตอบ เรื่องเหนือธรรมชาติที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ หรือแม้แต่เรื่องไสยศาสตร์ (ผมเชื่อ...แต่ผมไม่ได้เชื่อว่าเรื่องแบบนี้ทุกเรื่องนั้นดีแล้วทำตามหมดนะครับ) ผมเชื่อว่าทุกคนมีวิจารณญาณของตนเองที่มาจากเหตุผล และประสบการณ์ที่ต่างกันเรื่องสายสิญจน์หากเรามองดี ๆ แล้ว ไม่ได้ปรากฏในศาสนาพุทธ แต่มาจากศาสนาพราหมณ์- ฮินดู ซึ่งมีมาก่อนศาสนาพุทธจะเกิดขึ้น และสังคมไทยเป็นสังคมพุทธก็จริงครับ แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เราค่อนข้างผสมผสานศาสนามาเป็นที่พึ่งที่ยึดถือหลายศาสนา โดยเฉพาะความเชื่อเดิมของเรานั่นคือ ความเชื่อเรื่องผี เรื่องบรรพบุรุษ สายสิญจน์ปรากฏในพิธีต่าง ๆ ทั้งพิธีในทางพุทธ และทางพราหมณ์ เป็นเหมือนเส้นที่นำพลังจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่หนึ่ง หรืออีกบุคคลหนึ่งไปอีกบุคคลหนึ่ง เช่น การนำสายสิญจน์มาผูกแขนในพิธีต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย ตัวอย่างที่ผมเคยผูกแขนมาคือตั้งแต่ผมเกิด ญาติพี่น้องก็จะมาผูกแขน เรียกว่าผูกรับขวัญ เมื่อประสบอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตกใจก็จะผูกแขนเรียกขวัญ ตลอดจนที่พบเห็น ผูกแขนงานแต่ง ผูกแขนนาคในพิธีอุปสมบท ผูกแขนคนที่ได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานต่าง ๆ โดยมีหมอพราหมณ์ชาวบ้านหรือคนที่เรียนสายนี้มาบางคนก็เรียกหมอธรรม มาทำพิธีให้ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตเมือง จะปรากฏให้เห็นเยอะมากครับ โดยปกติแล้วการแผนแขนลักษณะนี้จะมีลักษณะใช้สายสิญจน์จากผ้าฝ้ายสีขาว แต่มีอีกรูปแบบหนึ่งคือ เป็นสายสีแดง สายสีเหลือง หรือสายสิญจน์ 7 สี รูปแบบนี้ผมก็เคยผูกและจะได้ผูกเฉพาะเมื่อไปทำบุญที่วัด พระอาจารย์จะผูกให้ หรือบางครั้งผมไม่สบายใจมีปัญหาเข้ามาในชีวิตก็จะไปกราบพระอาจารย์ที่นับถือศรัทธาท่านก็จะใช้ผูกแขนให้พร้อมคาถา สายสิญจน์ลักษณะนี้จะผ่านการทำพิธีลงพระคาถาไว้แล้วสำหรับบางวัดนั่นเองครับสายสิญจน์ขาดทำอย่างไรได้บ้างผมจะแชร์ประสบการณ์ที่ผมได้ทำ และหลังจากที่ทำแบบนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้างหรือไม่ ทุกท่านสามารถอ่านต่อได้เลยนะครับ1. สายสิญจน์แบบฝ้ายสีขาว ผมนี่ยอมรับเลยครับว่าได้ผูกบ่อยมากสำหรับชีวิตนี้ และผมเป็นคนรู้สึกหงุดหงิดเร็วเมื่อสายสิญจน์เปียกตอนอาบน้ำ หรือสายที่ย้อย ๆ ลงมา ยายผมและผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนผมก็จะบอกว่าให้เอาไว้ประมาณ 3-7 วันค่อยตัดออก ห้ามเอาออกก่อน 3 วันเด็ดขาด แต่ด้วยนิสัยและลักษณะส่วนตัวของผมบางครั้งก็ถึง 3 วันก็ตัดออก บางครั้ง 7 วันก็ตัดออก บางครั้งยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงผมก็ตัดออก ด้วยลักษณะของฝ้ายที่ผูกเป็นสีขาวทำให้คล้ำและดำเร็วมาก ถ้าอากาศร้อนทำให้เหงื่อไหล และสายสิญจน์สะสมความชื้นของเหงื่อไว้จะทำให้รู้สึกไม่สบายข้อมือ หรือในบางครั้งไม่สะดวกต่อการใช้ชีวิตเราในช่วงนั้น ผมก็ตัดออกเลย การที่ผมตัดออกไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคำผู้คนในอดีตนะครับ แต่ด้วยมีความจำเป็นส่วนตัวผมเลยได้ตัดออก และตั้งแต่จำความได้จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรมาคุกคาม หรือทำให้ชีวิตเจอเรื่องราวไม่ดีเลยสักนิดวิธีจัดการสายสิญจน์ ผมเลือกที่จะทิ้ง (ทิ้งถังขยะธรรมดาเลยครับ) เหตุที่ผมจัดการด้วยการทิ้งเพราะสายสิญจน์มีลักษณะสีคล้ำและดำ และเป็นที่จับของพวกฝุ่นละอองค่อนข้างดีเลย ประการสำคัญคือผมมีความเชื่อว่าพรที่ผู้ใหญ่อวยพรพร้อมกับผูกแขนให้ ผมได้รับพรนั้นตั้งแต่ท่านเป่าพรลงมือข้อมือผมตั้งแต่วันแรกแล้ว ส่วนแนวทางการใช้ชีวิตหรือคำแนะนำผมก็สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้เลย ไม่ได้เกี่ยวว่าผมมีสายสิญจน์ที่ท่านผู้ให้ผมถึงจะทำได้ หรือเป็นไปอย่างที่ท่านพูดได้ แต่ถ้าสายสิญจน์ขาดแล้วพรนั้นจะหายไป ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนครับ แต่การที่ใช้ฝ้ายผูกให้นั้นเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจเราเวลาเรามองดู และเป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่เชื่อมให้พิธีมีความศักดิ์สิทธิ์และความอบอุ่นจากผู้หลักผู้ใหญ่ผู้เฒ่าผู้แก่กับเรานั่นเองครับ แต่ถ้าสายสิญจน์บางเส้นคนที่ผูกให้ผมมีความสำคัญกับผมมาก ผมก็เก็บไว้ในกล่องพลาสติกเอาไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะพระ เอาออกมาดูมาครั้งที่คิดถึงคนที่ผูกแขนให้ผมเช่นคนที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็ก ผมก็จะเก็บไว้ และที่ผมเก็บไว้ก็ไม่ได้เจออะไรกับชีวิตเช่นเดียวครับ ไม่มีเรื่องลี้ลับให้พบเจอ มีแต่ความทรงจำที่ผมเก็บไว้ และเก็บไว้ในกล่องไม่ให้โดนฝุ่นละออง เป็นที่ก่อเชื้อโรคได้2. สายสิญจน์แบบ 7 สี รวมไปถึงสีแดง สีเหลือง หรืออื่น ๆ ที่มีลักษณะใหญ่ขึ้น อย่างที่ตอนแรกผมได้บอกว่าสายสิญจน์ลักษณะนี้จะเป็นพระอาจารย์ผูกให้เวลาไปทำบุญ หรือครั้งคราวที่ไม่สบายใจแล้วไปให้ผูกแขนให้ ซึ่งพระอาจารย์ก็จะลงพระคาถาหรือปลุกเสกไว้แล้วก่อนนำมาผูกให้ลูกศิษย์ หรือผ่านพิธีพุทธาภิเษกในพิธีต่าง ๆ มา ผมจะคิดเสมอว่าฝ้ายผูกแขนที่เป็นสายสิญจน์แบบนี้จะมีคุณแห่งอักขระของพระคาถากำกับอยู่ผมเลยผูกใส่แขนได้ค่อนข้างนาน และมีลักษณะเส้นที่พอดี ไม่ต้องมีสายย้อยลงมา เพราะจะใช้วิธีจี้ไฟให้สายสิญจน์ติดกัน หรือผู้แล้วใช้จี้ไฟตัดส่วนเกินออก ทั้งยังไม่คล้ำหรือดำง่าย โดยเฉพาะฝ้าย 7 สี แต่ถ้าขาดแล้วทำอย่างไรละครับทีนี้วิธีจัดการสายสิญจน์ สายสิญจน์ลักษณะนี้เมื่อขาดหรือผมตัดออกแล้ว ผมก็จะหลับตานึกถึงพระอาจารย์ที่ผูกให้และอธิฐานจิตว่า "สายสิญจน์นี้ได้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และขณะนี้ถึงเวลาที่ดับไปตามกาลเวลา ลูกกราบขออนุญาตเอกออกจากข้อมือ และขอพรอันประเสริฐ ความเป็นมงคลจงสถิตกับลูกตลอดไป" หลังจากนั้นก็นำสายสิญจน์ทิ้งเลย ปกติแล้วผมก็ทิ้งในถังขยะปกติ บางเส้นผมก็เก็บใส่กล่องไว้เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะทิ้งหรือจะเก็บก็ไม่ได้ทำให้ผมเจอสิ่งที่ไม่ได้ เพราะเจตนาที่ผมทำนั้น ผมไม่เคยปรามาส หรือลบหลู่ครูบาอาจารย์เลยการเลือกจะเก็บหรือทิ้งสายสิญจน์นั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าจะเลือกอย่างไร เพราะต่างคนจะมีเหตุผลที่ต่างกัน เช่นเดียวกับผมเองที่มีเหตุผลที่จะเก็บและทิ้งไป แต่ถ้าจะเก็บไว้ก็ควรที่จะเก็บรักษาดี ๆ เช่นในกล่องหรืออะไรไว้ที่ไม่ให้ฝุ่นไปจับ เพราะถ้าเราจะจับสายสิญจน์นั้นจะทำให้เราได้รับฝุ่นนั้นได้อาจจะส่งผลต่อสุขภาพของเรา และควรเก็บไว้ในที่ที่เหมาะสม เช่นเอาไว้ด้านล่างโต๊ะหมู่บูชา เก็บไว้บนตู้ ถ้าไม่มีสถานที่เหมาะสม ผมว่าการทิ้งด้วยการมองเป็นธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ดีกว่าครับสุดท้ายแล้วสายสิญจน์ที่ขาดผมก็มีเลือกที่จะเก็บและทิ้งจากเหตุผลข้างต้น แต่ทุกครั้งผมจะไม่มองมันเป็นเรื่องราวด้านลบ และไม่ปรามาสผู้ที่ผูกสายสิญจน์ให้ผมไม่ว่าจะผูกแบบไหน ในโอกาสอะไร ก็ตามนั่นเองครับ และยืนยันว่าถ้าเรามีเจตนาดีก็ไม่มีเรื่องราวลี้ลับที่ไม่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บทความข้างต้นเป็นประสบการณ์และความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับผมในฐานะผู้เขียนเองเท่านั้นครับ)เครดิตภาพหน้าปก : ถ่ายโดยผู้เขียน และตกแต่งเพิ่มเติมในโปรแกรม Canva Proเครดิตภาพประกอบ : ภาพทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน และเป็นของผู้เขียนเองทั้งหมด7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์