"จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" คำนี้หลายคนคงเคยได้ยิน แต่เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำมัยต้องจิตเป็นนาย และทำมัยร่างกายเรานั้นถึงต้องตกเป็นรอง... วันนี้ Jasmine มีประสบการณ์จากการเรียนวิชาจิตรศาสตร์ และจะมาเล่าให้เพื่อนๆๆ ฟังกันคะเรามาทำความเข้าใจไปด้วยกันก่อนว่า ร่างกายของเรานั้นประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ ร่างกาย และ จิตร่างกาย หรือ กายเนื้อประกอบไปด้วยธาตุ 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ที่รวมกันเป็น ควาร์ก (quark) (มีขนาดเล็กกว่าโปรตอนประมาณ 1,000 เท่า) อะตอม เป็นเซลล์ เป็นอวัยวะ ซึ่งเสมือนบ้านที่ให้ตัวตนเราอาศัยจิตคือ ตัวตนของเรา ที่ประกอบด้วยพลังงานของธรรมชาติและพลังบวกพลังลบที่ประสานกัน มีสัณฐานกลมการสัมพันธ์กันระหว่างกายกับจิตจะเริ่มตั้งแต่เมื่อ ชายและหญิงมีปฏิสัมพันธ์และน้ำอสุจิจากชายเข้าสู่มดลูก รังไข่ของหญิง ไปรวมกับไข่ ในวินาทีนั้นแหละที่จิตจะเข้ามารวม ซึ่งถือเป็นการจุติ หรือการปฏิสนธิการจุติ คือ สภาวะอสุจิและไข่จะกลายเป็นร่างกายให้จิตยึดอยู่ เกิดสายใยชีวิตเชื่อมกันระหว่างจิตกับกาย (เป็นพลังที่มีลักษณะเป็นสีขาว สายกลมๆ มีความเหนียวไม่ว่าจะดึงอย่างไรก็ไม่ขาด จนกว่าเมื่อถึงเวลาที่สิ้นชีวิต สายใยนี้จะขาดเองโดยอัตโนมัติและไม่ว่าเราจะพยายามนำมาต่ออย่างไรก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้)เราจะสังเกตได้จากบางครั้งที่ชายหญิงมีเพศสัมพันธ์ แม้มีน้ำอสุจิเข้าไปในไข่แต่ก็ไม่สามารถกำเนิดเป็นตัวอ่อนได้ เพราะร่างนั้นไม่พร้อม ไม่มีสภาวะธรรมชาติที่สมบูรณ์เพียงพอที่จะให้จิตเข้ามาอยู่อาศัยได้เมื่อกล่าวถึงการมาของจิตแล้ว จะขอกล่าวที่มาของจิตก่อนว่า จิตเรานั้น (ประกอบด้วยพลังงานจากธรรมชาติ ผสมสานกับอารมณ์ความรู้สึก โดยมีผลของบาปบุญเป็นตัวเสริม) เมื่ออุบัติขึ้น จะอยู่ในสภาวะโลกทิพย์ ซึ่งไม่ว่าจะสถิตย์อยู่บนสวรรค์ หรือนรก ก็ถือว่าเป็นระบบทิพย์ทั้งนั้นเมื่อถึงวาระจุติ จิตจากมิติทิพย์ก็จะเคลื่อนเข้ามา เข้ามาในไข่ที่มีการผสมแล้ว ในมิติสสาร (มิติมนุษย์) เกิดเป็นเซลล์ชีวิตขึ้น ซึ่งสภาวะที่เข้าเชื่อมกันนี้จะเกิดมีสายใยชีวิตเป็นตัวเชื่อมอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เซลล์ก็จะค่อยๆ แบ่งตัวพัฒนาเป็นเอ็มบิโอ เริ่มมีอวัยวะจนครบ ซึ่งกายนี้จะใช้พลังงานในการแบ่งเซลล์สร้างเนื้อเยื่อจากอาหารธาตุ 4 ที่ผู้เป็นมารดาทานเข้าไปช่วงเวลานี้ คุณภาพอาหารที่แม่ทานจึงมีผลกับการพัฒนาเซลล์เนื้อเยื่อของเด็กในครรภ์ ในส่วนของจิตนั้นก็จะค่อยๆ พัฒนาเรียนรู้ขึ้นเรื่อยๆ โดยมีพลังและคุณสมบัติเดิมที่ติดมา (ที่เรามักพูดว่า เค้ามีของเก่า มีพรสวรรค์มา) ผนวกรวมกับสภาวะพลังแวดล้อมที่เข้ามา ซึ่งช่วงนี้คือการพัฒนาทางจิต อารมณ์ ซึ่งในช่วงนี้ อารมณ์ของผู้เป็นมารดาจึงมีส่วนกับการเจริญทางอารมณ์ ทางจิตของผู้เป็นลูกอย่างมากดังนั้น ผู้เป็นแม่ควรจะหาสิ่งที่รื่นรมย์ สดชื่น เสียงเพลงเบาๆ มาดู มาฟังไว้เสมอ เพื่อที่จะซึมซับไปที่ลูกในครรภ์ เพราะเมื่อจิตเค้าซึมซับพลังที่ละเอียดอ่อน เหล่านี้จะทำให้การพัฒนาของจิตเค้าจะมีคุณภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งการสร้างบุญกุศลต่างๆที่แม่ควรทำในเวลานี้ เพราะจิตนั้นใช้พลังมงคล พลังบุญเป็นอาหารในการบำรุงเลี้ยง ที่ต่างกับกายที่ใช้อาหารในการบำรุงเลี้ยงเมื่อครบกำหนดคลอดสภาวะจากนี้ไป เด็กที่เกิดมา ร่างกายและจิตจะอยู่ร่วมกัน โดยร่างกายใช้ธาตุ 4 และสิ่งแวดล้อมในการบำรุงทางร่างกายเนื้อ ขณะที่จิตจะใช้พลังบุญและการฝึกฝนจิต เช่น การสวดมนต์ การฝึกสมาธิ มาเป็นอาหารในการบำรุงเลี้ยงและการพัฒนาของจิตเป็นต้นจิตนั้นเมื่อเข้ารวมกับกาย เค้าจะสร้างร่างที่เราเรียกว่าวิญญานขึ้นภายในกายอีกที ซึ่งการที่วิญญานจะมีลักษณะสมบูรณ์งดงามแค่ไหน อยู่ที่พลัง การฝึกฝนของจิตและกำลังของมวลกายเนื้อเข้ามาเสริมสร้างต่อเมื่อจิตมีการพัฒนาขึ้น ร่างวิญญานก็จะเปลี่ยนสภาวะกายเป็นกายทิพย์ แต่ในทางกลับกัน ทางจิตผู้นั้นทำแต่สิ่งที่เลวร้าย กายทำชั่ว พลังลบเหล่านั้นจะหล่อหลอมให้วิญญานมีสภาวะที่ดูน่าเกลียด บ้างคนร่างกายเนื้อดูสวยงาม สง่า แต่วิญญานภายในจะดูน่าเกลียดน่ากลัวราวอสูรกายเลย งานนี้ Jasmine เคยเห็นคนประเภทนี้มาแล้วเหมือนกันกายทิพย์ คือสิ่งที่จิตสร้างสะสมคุณสมบัติเรื่อยๆขึ้นไปตามกาลเวลา ผิดกับกายเนื้อที่จะค่อยๆเสื่อมตามกาล ตามวัย เช่นกันเมื่อสิ้นอายุขัย จะเกิดสภาวะที่จิตกับกายเนื้อจะแยกออกจากกัน สายใยชีวิตจะขาด พลังที่เชื่อมกันระหว่างกายทิพย์กับกายเนื้อจะขาด ร่างกายเนื้อก็จะค่อยๆ หมดพลังที่หล่อเลี้ยง เริ่มเสื่อมเน่าเปื่อยผุพังไป ส่วนกายทิพย์หรือจิตนี้ก็จะมีสภาพและไปตามผลบุญหรือบาปของการกระทำที่ได้ทำไว้ครั้งยังมีชีวิตอยู่คนทั่วไปจะมีลักษณะคล้ายพลังงานสีขาวๆ เป็นร่างเพียงชั่วแว้บ จากนั้นก็จะเห็นแต่เป็นดวงจิตออกไป หรือถ้าผู้นั้นบำเพ็ญเพียรจนกายในเป็นกายทิพย์ เมื่อจิตออกจากร่างก็จะเห็นเป็นกายทิพย์ที่งดงามเคลื่อนออกมา และจะไปเสวยตามบุญ กรรมที่ทำไว้ต่อไปถ้าเราพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า กายเนื้อนั้นเป็นเพียงบ้านที่อยู่ชั่วคราวที่ให้จิตมาอาศัยอยู่ จิตต่างหากที่อยู่อย่างถาวร ดังนั้นการที่เรามีชีวิตอยู่ อย่าเพียงอยู่เพื่อบำรุงบำเรอกายเนื้อให้สุขสบายเท่านั้น ควรฝึกฝนและสร้างบุญกุศลให้เป็นอาหารบำรุงเลี้ยงจิต เพื่อให้กายทิพย์นั้นแข็งแกร่ง งดงาม ด้วย เพราะจิตนั้นคือตัวตนที่แท้จริงของเราที่ยังคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ จึงควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก่อนกายเนื้อ ด้วยซ้ำทรัพย์สินตายแล้ว เอาติดตัวไปไม่ได้ แต่พลังบุญและพลังจากการฝึกฝนจิตนั้น จะติดจิตไปตลอดกาลไม่ว่าจะอยู่ในมิติใดเพราะเหตุนี้ Jasmine จึงอยากบอกเพื่อนๆๆ ถึงเคล็ดลับอีกอย่าง คือ ช่วงเวลาที่ดีในการสร้างบุญกุศลแล้วเกิดผลบุญบารมีมหาศาลและสามารถไปสร้างกุศลในสถานที่และรูปแบบต่างๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดคือช่วงเวลาที่จิตมีกายเนื้ออยู่ เพราะกายเนื้อจะเป็นเกราะและเป็นสภาวะที่เข้าไปสร้างบุญเกิดกุศลได้ทุกรูปแบบ แต่ธรรมชาติก็ให้เวลาของกายเนื้อไว้อย่างมีขีดจำกัด ดังนั้น อย่าประมาท อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง หมั่นสร้างความดี หมั่นฝึกฝนจิตใจของเรา อย่าปล่อยทิ้งเวลาที่มีค่าในการพัฒนาจิตไปอย่างน่าเสียดาย ขอขอบคุณภาพหน้าปกจากโดย merlinlightpainting/Pixabay และ MarceloCDomingues/Pixabay ขอขอบคุณภาพประกอบที่ 1 จาก anaterate/pixabay.com , ประกอบที่ 2 วาดโดย Jasmine , ประกอบที่ 3 จาก Merlin Lightpainting/pixabay.com, ประกอบที่ 4 จาก Victoria_Watercolor/pixabay.com, ประกอบที่ 5 จาก Okan Caliskan/pixabay.com, ประกอบที่ 6 จาก Victoria_Watercolor/pixabay.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !