ใคร ๆ ก็รู้ว่า พญานาคขึ้นชื่อว่ามีฤทธิ์ สามารถบันดาลโชคลาภต่าง ๆ รวมทั้งพลังช่วยเหลือปกป้องได้...ดังนั้น สถานที่ที่เป็นที่รู้กันว่าเป็นจุดเชื่อมต่อกับแดนพญานาค หรือเป็นที่สถิตของพญานาค จึงมักมีผู้คนเดินทางไปเยี่ยมเยือน ขอพรขอโชคลาภ กันอยู่เสมอ...หนึ่งในพิกัดฮอตฮิตสำหรับชาวสายมูและสายพญานาคก็คือ "วัดภูตะเภาทอง" อำเภอหนองวัวซอ อุดรธานี ค่ะตั้งแต่ปี 2563 "วัดภูตะเภาทอง" กลายเป็นแหล่ง UNSEEN แห่งใหม่ของจังหวัดอุดรธานี ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเป็นพิกัดเช็กอินขึ้นชื่อสำหรับชาวสายมู - สายพญานาค...วัดไม่ติดถนนใหญ่ ตั้งอยู่บนเขากลางป่า...ก่อนเดินทางไป ศึกษาเส้นทางและสถานที่จาก Google Map ก็เห็นว่า เส้นทางดูดี สถานที่เข้าถึงได้สะดวก ไม่ต้องกลัวรถตกหลุมตกหล่ม...สองข้างทางก่อนเข้าไปถึงวัด เป็นพื้นที่ธรรมชาติสวยงาม มีทั้งเรือกสวนไร่นาและป่าเขาให้ชมเพลิน ๆ ค่ะจากลักษณะของสถานที่ ที่ประกอบด้วยหินขนาดใหญ่รูปทรงแปลก ๆ ตั้งเรียงรายกันเป็นสวนประติมากรรมหินธรรมชาติ ชาวสายมูได้เห็น ก็คงรู้สึกถึงความลี้ลับ...ซึ่งก็ตรงกับเรื่องราวประสบการณ์ที่พระในวัดและชาวบ้านในท้องถิ่นเล่าให้ฟังก็คือ บนป่าภูตะเภาทองซึ่งเป็นที่ตั้งวัด มีเมืองลับแล...และ บริเวณสวนประติมากรรมหินธรรมชาติ เป็นวังพญานาค ซึ่งก็ย่อมถูกใจชาวสายพญานาคอยู่ไม่น้อยนะคะจุดไฮไลท์ที่ชาวสายมูและสายพญานาคต้องไม่พลาดเช็กอิน มีดังนี้ค่ะ1. สักการะพญามุจลินท์นาคราชเจ้าอาวาสวัดนิมิตเห็น "พญามุจลินท์นาคราช" มาบอกว่าจะช่วยสนับสนุนการบูรณะพัฒนาวัดและช่วยให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนโดยทั่วไป...เจ้าอาวาสท่านจึงสร้างรูปพญามุจลินท์นาคราชให้ผู้คนสักการะขอพร...รูปบูชาดูสง่าน่าเกรงขามมาก ๆ ค่ะ...คนในครอบครัวผู้เล่า ก็มีทั้งที่ขอพรเรื่องการงาน การเงิน การศึกษา และสุขภาพ ค่ะรูปบูชาพญามุลินทร์นาคราช และรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ อยู่รอบ "สระโบกขรณี" สระน้ำขนาดใหญ่ระหว่างหินก้อนใหญ่ ซึ่งตามนิมิตของเจ้าอาวาสว่า คือบริเวณปากทางของ "วังพญานาค" หรือ "วังบาดาล"...สำหรับชาวสายพญานาคแล้ว แน่นอนว่า เมื่อได้ไปเห็นไปอยู่ริมสระ ย่อมรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างบอกไม่ถูกค่ะ2. ลอดหินตะเภาทองเพื่อสิริมงคล"หินตะเภาทอง" หินขนาดใหญ่ คล้ายเรือสำเภา มีช่องแคบ ๆ ใต้หินก้อนนั้น ซึ่งดูน่าอัศจรรย์ ทั้งรูปร่าง และทั้งการที่หินตั้งอยู่ได้ - ไม่ล้ม...คนในพื้นที่เชื่อว่า จุดนี้มีพลังดี ๆ อันเป็นมงคลของมิติอันเป็นทิพย์และแดนพญานาคค่ะผู้เล่าก็ไม่ทราบว่า ธรรมเนียมหรือความเชื่อนี้เริ่มมาจากไหน แต่เขาก็บอกและทำต่อ ๆ กันมาว่า การคลานลอดผ่านช่องใต้หินดังกล่าว จะทำให้ได้รับพลังดี ๆ นับเป็นสิริมงคล...ดังนั้น คนที่ไปถึงหินก้อนพิเศษนี้ แต่ละคนจึงลอดใต้หินและตั้งจิตอธิษฐานขอพร...บางคนก็เสียบเงินเอาไว้ตามซอกหินในช่องนั้น ด้วยความเชื่อว่า จะทำให้ได้ทรัพย์สินเป็นสิ่งตอบแทนในภายหลังค่ะ3. ชมร่องรอยโบราณกว่า 2,500 ปีผู้เขียนสังเกตว่า บริเวณรอยต่อของจังหวัดอุดรธานี - ขอนแก่น - หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขา เป็นแหล่งที่ปรากฏของหินโบราณ ร่องรอยสิ่งมีชีวิตโบราณ และอารยธรรมโบราณ อยู่หลายจุด...อย่างบริเวณภูตะเภาทองนี้ บนหินตะเภาทองก็มี "รอยฝ่ามือแดง" ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า มีอายุกว่า 2,500 ปี...ร่องรอยโบราณเช่นนี้ ก็เป็นอีกสิ่งที่น่าอัศจรรย์ และบ่งบอกว่า หินตะเภาทองนี้เป็นสิ่งพิเศษจริง ๆ ค่ะ4. ชมสวนประติมากรรมหินธรรมชาติสวนประติมากรรมหินธรรมชาติสวยงามมาก...ผู้เขียนชอบบริเวณสวนหินมาก ๆ เพราะให้ความรู้สึกเหมือน "โสก" (เป็นภาษาอีสาน แปลว่า ร่อง หรือ ทางสัญจร) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อว่า มีหลายมิติซ้อนอยู่ และสะท้อนให้คิดถึงหลายสถานที่ที่เชื่อกันว่าเป็นปากทางเข้าเมืองลับแล...และสวนประติมากรรมหินรวมทั้งบ่อน้ำในหลุมหิน ก็ทำให้ผู้เขียนคิดถึงบริเวณที่เชื่อว่าเป็นแดนติดต่อกับเมืองพญานาคค่ะหลังจากกลับจากการไปเยี่ยมเยือนขอพรที่วัดภูตะเภาทอง ผู้เล่าและครอบครัวก็เหมือนกับได้รับพรตามที่ขอ การงานสำเร็จ สุขภาพดี และได้โชคลาภค่ะ...ถ้าชาวสายมูหรือสายพญานาคผ่านไปทางนั้น ก็ลองแวะดูนะคะ เชื่อว่าจะประทับใจและได้อะไรดี ๆ หลังจากกลับมาค่ะ.มรรษยวรินทร์พิกัด วัดภูตะเภาทอง อำเภอหนองวัวซอ อุดรธานี ภาพประกอบที่ 1 นำมาจาก Google Maps ภาพปก และ ภาพประกอบที่ 2 - 9 โดย มรรษยวรินทร์ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !