ถ้า “นรก” มีอยู่จริงตามความเชื่อ มีใครอยากตกนรกไหมครับ ถ้ามี...ก็สุดแต่ใจจะไขว่คว้า แต่ถ้าไม่…ก็ต้องใช้ชีวิตให้อยู่บนเส้นทางของความดีงาม ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม เพราะหากเราทำชั่ว สร้างบาป ตายไปก็คงหนีไม่พ้นนรกแน่นอน แล้วคนที่ตกนรกจะโดนลงโทษอะไรบ้าง เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ทำสิ่งใดผิดบาป บทความนี้จึงเขียนขึ้นเป็นวิทยาทานสำหรับเตือนสติคนที่ยังมีชีวิตให้สร้างบุญกุศลและทำความดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปเจอท่านยมบาล ทั้งนี้ข้อมูลที่กำลังจะได้อ่านเป็นสิ่งที่ผู้เขียนเคยฟังมาจากพระเทศน์บ้าง พ่อแม่พูดบ้าง ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าบ้าง ยูทูบบ้าง อ่านจากหนังสือธรรมะบ้าง อ่านจากเว็บบ้าง ซึ่งแต่ละแหล่งก็บอกเล่าในสำนวนที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย ไม่มีถูกหรือผิดการให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง นรกอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ มีเพียงแค่ความเข้าใจแบบวัยเด็กว่านรกอยู่ใต้ดิน สวรรค์อยู่บนฟ้า มนุษย์โลกอยู่ตรงกลาง ซึ่งเข้าใจแบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะมีคำพูดว่าทำชั่วตกนรก ทำดีขึ้นสวรรค์ คือมีคำว่าตก กับ ขึ้น ที่ทำให้เข้าใจว่ามันควรหมายถึงทิศเบื้องล่างหรือทิศเบื้องบน และแม้ว่าเราจะรู้ที่อยู่ของนรกได้จริง(กรณีมีจริง) มันก็เป็นสถานที่ที่ไม่ได้น่าไปเลยสักนิด เพราะนรกไม่มีความเจริญ มีแต่ความทุกข์ระทม เป็นดินแดนที่มีไว้ลงโทษคนบาปเท่านั้น นรกมีจำนวนมากถึง 457 ขุม แบ่งเป็นขุมหลัก 8 ขุม ขุมบริวารย่อยและของย่อย 448 ขุม และมีขุมพิเศษอีก 1 ขุม ซึ่งนับว่าสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับความชั่วทุกรูปแบบ ทั้งนี้ ผู้เขียนจะพูดถึงเฉพาะ 8 ขุมใหญ่มหานรกเท่านั้น เพราะแค่ขุมตัวแม่นี้ก็สยองแล้วขุมแรก : ชื่อขุม "สัญชีวะ" คือ ตายซ้ำซาก ตายแล้วตายอีก นรกขุมนี้เปรียบเหมือนน้องคนเล็กสุดในบรรดาพี่น้องทั้งแปด ทว่าพิษสงไม่ได้เล็กน้อยเลยแม้แต่นิด เพราะการลงโทษคนบาปในนรกขุมนี้ ผู้คุมจะใช้อาวุธแหลมคมต่างๆตัดฉีกร่างกายคนบาปเป็นชิ้นส่วนหรือเป็นท่อนๆ สภาพก็คงคล้ายเวลาเราดูข่าวคดีฆ่าหั่นศพทำนองนั้น และเมื่อโดนผู้คุมฆ่าตายแล้วร่างกายก็จะเกิดขึ้นมาใหม่ทันที ตามด้วยถูกฆ่าถูกหั่นวนซ้ำเรื่อยไปจนกว่าจะหมดกรรม อย่างไรก็ตามนรกขุมอื่นก็ฟื้นคืนชีพเช่นกัน เพราะทั้งหมดต้องชดใช้กรรมด้วยความทรมานจนกว่าจะหมดอายุขัยในภูมินรก > บาปที่ทำให้มาเกิดในขุมนี้ คือ ฆ่าตัวตาย ฆ่าผู้อื่น ฆ่าสัตว์ คนมีอำนาจแต่ใช้ไม่เป็นธรรมกับผู้อื่นขุมสอง : ชื่อขุม "กาฬสุตตะ" คือ ตีเส้นดำลงบนร่างกาย นึกถึงภาพเวลาที่เราจะตัดเย็บเสื้อผ้าแล้วใช้ดินสอเขียนผ้าตีเส้นออกใช่ไหม นรกขุมนี้ก็มีวิธีลงโทษทรมานด้วยการตีเส้นคล้ายๆแบบนั้น คือ คนบาปที่ตกนรกไปอยู่ขุมนี้จะโดนผู้คุมตีเส้นดำเป็นแนวบนร่างกาย หลังจากนั้นก็จะถูกใบเลื่อยร้อนแดงฉานเลื่อยตัดตามแนวเส้นดังกล่าว และยังโดนดึงลิ้นออกมากรีดเฉือนอย่างทรมาน > บาปที่ทำให้ต้องมาอยู่ขุมนี้ คือ ลักขโมยสิ่งของคนอื่น ฉ้อโกงหลอกลวง พูดยุยงให้สังคมแตกแยกขุมสาม : ชื่อขุม "สังฆาฏะ" คือ บดขยี้จนแหลกละเอียด ว่ากันว่านรกขุมนี้จะลงโทษคนบาปด้วยวิธีการบดหรือกระทบร่างกาย ให้เราลองนึกภาพรถบดถนนขับมาบดทับเราทั้งเป็นจนสิ้นใจหรือลองนึกภาพเรายืนอยู่แล้วมีรถสิบล้อ 2 คันขับพุ่งชนเราพร้อมกันแบบประสานงาก็คงทำนองนั้น แต่พวกคนบาปในนรกทรมานกว่ามาก พวกเขาจะถูกลงโทษโดยพากันอยู่บนแผ่นเหล็กร้อนแดง แล้วภูเขานรกขนาดยักษ์จะกลิ้งมาทับจนตัวแหลก หรือไม่ก็โดนภูเขากระทบเข้าหาจากทุกทิศไม่มีช่องว่างให้หนีรอดไปได้ และถึงจะหนีผู้คุมก็ไล่ฆ่าตายอยู่ดี > บาปกรรมที่ต้องตกนรกขุมนี้ คือ ผิดศีลข้อ 3 ผิดประเวณี มัวเมาในกาม ขี้อิจฉาแล้วทำลายคนอื่นขุมสี่กับขุมห้าผู้เขียนขอเล่าไว้ด้วยกัน เพราะทั้งสองขุมมีความคล้ายคลึงกัน คือ ขุมสี่ชื่อ "โรรุวะ" ขุมห้าชื่อ "มหาโรรุวะ" (ต่างกันที่คำว่ามหา) แปลว่า มีเสียงกรีดร้องโหยหวนและกรีดร้องโหยหวนอย่างมาก โดยเหล่าคนบาปจะถูกลงโทษด้วยการดึงลากลิ้นออกมาจากปากแล้วตัดเฉือน แถมยังโดนน้ำกรดเดือดร้อนแรงกรอกปาก ทำให้เจ็บปวดทรมานร้องเสียงดังไปทั้งนรกสุดเวทนา ซึ่งบาปที่ทำให้ตายแล้วต้องมาตกนรกขุมสี่ เช่น พูดใส่ร้ายคนอื่น ส่วนขุมห้าเขาว่าบาปหนากว่า คือ พวกเสพ/ดื่มของมึนเมาต่างๆเป็นการทำลายทั้งชีวิตของตัวเองและคนอื่นเมื่อขาดสติจากการเสพขุมหกกับขุมเจ็ดก็จะเขียนไว้ด้วยกัน เพราะต่างกันที่คำว่า "มหา" เหมือนขุมก่อนหน้า คือ "ตาปนะ" ชื่อขุมหกและ "มหาตาปนะ" ชื่อขุมเจ็ด ทั้งสองขุมหมายถึง ร้อนแรงด้วยเปลวเพลิง แต่ว่าขุมเจ็ดนั้นรุนแรงมากกว่าขุมหกหลายเท่า โดยเหล่าคนบาปที่ตกนรกขุมหกจะได้รับโทษด้วยการถูกเสียบอยู่บนหลาวเหล็ก และมีเปลวไฟเผาจากด้านล่างจนร่างกายสุกพอง(อารมณ์เหมือนไก่ย่างเขาสวนกวาง/วิเชียรบุรีเลยทีเดียว) จากนั้นผู้คุมก็จะเอาร่างให้สุนัขยักษ์แทะกิน ส่วนที่บาปหนาเกินกว่าขุมหกจะรองรับ ก็ต้องตกไปขุมเจ็ดซึ่งจะถูกลงโทษด้วยการบังคบให้ปีนขึ้นภูเขานรกสูงใหญ่ เมื่อไปถึงยอดเขาก็จะโดนลมนรกพัดตกลงมา แต่การตกลงมานั้นไม่ถึงพื้น เพราะมีหอกดาบแหลมคมที่ลุกเป็นไฟผุดขึ้นเสียบร่าง โดยบาปที่ทำให้ตกนรกสองขุมนี้ คือ ทรมานสัตว์ทั้งเป็นด้วยการเสียบเหล็กเสียบไม้แล้วเอาปิ้งย่าง จุดไฟเผาคนอื่นทั้งเป็นจนเสียโฉมหรือตาย ทำสิ่งที่เกี่ยวกับอบายมุขหรือการพนันต่างๆและมาถึงขุมที่แปด นรกที่เราคุ้นชื่อหรือเคยได้ยินกันบ่อย นั่นก็คือ "อเวจี" นรกขุมนี้เปรียบเป็นพี่ใหญ่ใจโหดที่เจ็ดขุมก่อนหน้าเทียบชั้นความโหดไม่ได้เลยสักเสี้ยวเดียว เนื่องจากมหานรกอเวจีนี้มีความหมายว่า "ไม่หยุดลงโทษ" คือ ลงโทษตลอดเวลาทุกเสี้ยววินาทีไม่มีพัก เพราะพวกคนบาปที่ตกมาขุมนี้ได้เป็นพวกบาปหนาชนิดที่ว่าหนามากๆ ใจโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นขุมนรกที่รองรับคนทำบาปหนักที่สุด มีอายุขัยในการรับโทษนานแสนนาน ซึ่งก็คือพวก ทำร้าย/ฆ่าพ่อ,แม่,พระ,พระพุทธเจ้า,คนที่ทำให้หมู่สงฆ์แตกแยก ไม่ว่าจะทำเองหรือสั่งให้คนอื่นทำแทนก็ตาม โดยบทลงโทษที่คนบาปกลุ่มนี้จะได้รับเมื่ออยู่ในนรกอเวจีก็ไม่มีอะไรมาก แค่โดนเปลวไฟนรกเผาไหม้ร่างกายอยู่ตลอดเวลาอย่างทรมานสาหัสสากรรจ์ไม่มีบางเบา ซึ่งกว่าจะหมดสิ้นเวรกรรมก็อาจยาวนานเป็นอสงไขย เพราะทำกรรมหนักหนามากเหลือเกิน สุดท้ายไม่ว่านรกจะมีจริงหรือไม่ก็ตาม การละเว้นการกระทำจากสิ่งที่ไม่ดี ไม่สร้างความเดือนร้อนต่อตัวเองและผู้อื่นก็เป็นสิ่งสามัญที่เราควรระลึกได้ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขบนโลกมนุษย์ของเราแห่งนี้ #สาธุขอบคุณภาพปกจาก Freepik โดย vectorpouchภาพประกอบโดย : ผู้เขียน // ติดตามผลงานอื่นของผู้เขียนได้ที่ @ArtVichเรื่องราวอื่นที่น่าสนใจ- รีวิว “วอลเปเปอร์เสริมดวง” ด้าน "การเงิน" ที่ใช้แล้วดี มั่งมี มั่งคั่ง- วิธีเก็บแบงค์ขวัญถุง ช่วยเรียกทรัพย์ เปิดรับโชคลาภ- ทำไมต้อง โปรยทาน ในงานบวชและงานศพ ?- 5 บทสวดมนต์มหัศจรรย์ สวดก่อนนอนทุกวันชีวิตดี๊ดี- วิธีเปลี่ยนภาพนิ่งของคนที่จากไป “ให้มีชีวิต” ด้วยเว็บ MyHeritage Deep Nostalgiaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !