แดนดินถิ่นพุทธคยา แท่นวัชรอาสน์ ก่อนประกาศพระศาสนา ดำรงสุขเสวยวิมุตติ49 วันหลังจากทรงสำเร็จมรรคผล สถานที่สำคัญของชาวพุทธ ทั้งสตรีและบุรุษต่างใฝ่ฝัน สักครั้งได้น้อมกราบกรานบูชา เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี และถ้าใครได้เดินทางไปประเทศอินเดียจะต้องมีโอกาสสักครั้งที่ได้เดินทางเข้าไปสักการะองค์พระพุทธเมตตา พุทธคยาสถานที่สำคัญหลายอย่างเกี่ยวกับศาสนาพุทธ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่ตรัสรู้แล้วยังมีสถานที่สำคัญอีก เป็นต้นว่า สถานที่บำเพ็ญทุกรกิริยา บ้านนางสุชาดา อินเดียเมืองพุทธคยามีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงใบหน้าที่แย้มยิ้มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาขององค์พระพุทธเมตตา แม้จะเป็นครั้งที่ 3 ของการเดินทางจาริกบุญ ซึ่งครั้งที่เดินทางไปที่นี่พักที่วัดไทยพุทธคยา ระยะทางจากวัดถึงสถานที่แห่งนี้ถือว่าไม่ไกลมาก สามารถเดินเท้าไปได้ ดอกไม้มีจำหน่ายด้านหน้า หรือเตรียมไปเองจะดีที่สุด การไปอินเดียเดินตามรอยพระศาสดาในครั้งนี้ เป็นครั้งที่พอจะมีกำลังในการ อุปถัมภ์น้องชายหนึ่งคนในการเดินทางตามรอยพระศาสดาครบทั้ง 4 ตำบล และที่สำหรับตนเองหนึ่งที่เพื่อเดินทางตามรอยพระศาสดาอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งเมื่อเราเองเคยได้รับโอกาสมีผู้อุปถัมภ์ให้ไปถึงสองครั้ง ครั้งนี้เมื่อเราพอมากำลังทรัพย์จึงขอสร้างบุญครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งมันทำให้มีความสุขทั้งกายและใจ อินเดียไม่ใช่เราจะไปง่ายๆ ถ้าหากไปเที่ยวใช่ แต่ที่เราไปมันคือการตามรอยของพระศาสดาทุกก้าวย่าง มีความปิติสุขอยู่ชั่วทุกขณะ ความรู้สึกเหล่านี้จึงอยากที่จะส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กับน้องบ้าง สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่แรกหลังจากที่ทำพิธีโกนผมที่วัด และตอนเช้าจะเดินทางมาเพื่อบวชพระใต้ต้นโพธิ์ ซึ่งหลังจากนั้นจะเดินทางตามรอยพระศาสดาไปตามสถานที่สำคัญต่างๆ ความสุขปิติกำลังจะเริ่มขึ้น การเข้าเจดีย์แห่งนี้เราจะต้องถอดรองเท้า ฝากไว้ด้านนอกเมื่อเดินเข้าไป มีพนักงานคอยตรวจสอบเพื่อระวังความปลอดภัย ขณะที่เดินเข้าประตูจะแยกชายหญิง เนื่องเพราะมีการสัมผัสตัว หลังจากนั้นจะต้องเดินลงบันได เจดีย์พุทธคยาอยู่ต่ำจากทางเข้า แต่เจดีย์มีความสูงใหญ่ตั้งตระหง่านตรงหน้า ร่มรื่นตั้งแต่ทางเดินเข้าไป พิกัด >> google maps <<ภายใน ขององค์เจดีย์พุทธคยา เมื่อเรานั้นเดินทางเข้ามาด้านใน จากจุดตรวจ ทางเดินทั้งหมดจะเป็นดินที่เดินได้เย็นสบายเท้า ถ้าหากไปด้วยกันกลุ่มใหญ่จะนัดรอที่ตรงนี้เพื่อถ่ายภาพที่ระลึก ถ้าหากเราเข้าไปด้านในค่อนข้างเป็นสถานที่จำกัด และการเข้ากราบสักการะ จะต้องมีการเตรียมการก่อนคือ การจองสถานที่เพื่อเข้ากราบพระพุทธเมตตา สวมเสื้อสีขาวพร้อมดอกบัวเพื่อนำเข้าไปไหว้ด้านหน้าขององค์เจ้าชายสิทธัตถะ สถานที่โดยรอบมีความสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงเดินชมตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นั่น สถานที่เจ็ดที่ที่พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาหลังจากบรรลุเป็นพระอรหันต์ เช่น รัตนจงกรม ต้นโพธิ์ ซึ่งมีการพูดถึงประวัติของต้นโพธิ์ว่าตอนนี้คือหน่อของต้นโพธิ์ ต้นที่ตรัสรู้ได้ตายไปแล้ว น้ำที่ใช้รดคนอินเดียบอกคือน้ำนม กว่าจะทำให้โพธิ์คงอยู่ แม้จะเป็นต้นที่สี่ก็ยังยิ่งใหญ่และแข็งแรง ให้ร่มเงาแห่งความสุข เพราะขณะที่นั่งสมาธิ ใบโพธิ์ จะค่อยๆปลิวลงมา ถ้าหากตกอยู่บริเวณใกล้เราให้รีบเก็บไว้ เพราะหายากมาก ใบโพธิ์จากพุทธคยาดินแดนแห่งการตรัสรู้ การเข้ากราบสักการะ การเดินทางเข้ากราบสักการะ แนะนำให้เข้าไปในช่วงเช้า หรือเย็น เพราะถ้าหากมาที่นี่ในตอนบ่าย เจอแดดอาจจะทำให้เดินได้ลำบากเพราะเจอแดดทำให้พื้นดินร้อนได้ และถ้าเราไปช้าอาจจะต้องรอคิวเพื่อเข้าสักการะนานหน่อย ไปตอนเช้าประมาณหกโมงเช้านักท่องเที่ยวจะยังไม่ค่อยเยอะ การเดินทางเข้าสักการะ เนื่องจากถนนด้านหน้าเป็นถนนสายหลักจึงไม่สามารถที่จะจอดรถได้นาน จะต้องเข้ามาจอดด้านใน แต่สะดวกที่สุดคือการเดินเท้าเข้าสักการะ ถนนทางเดินเข้าสักการะค่อนข้างใหญ่จึงสะดวกในการเดินเข้า ของที่ระลึกด้านหน้านั้นราคาอาจจะแพงหน่อย ถ้าอดทนได้ รอเข้าไปซื้อในตลาดด้านในจะดีกว่า การเข้าสักการะไม่ควรถือกระเป๋าหรือสิ่งของเข้าไปด้านในด้วย กล้องถ่ายรูป การเข้าชมจะไม่อนุญาตให้ถ่าย ถ้าหากต้องการที่จะถ่ายจะต้องจ่ายเงินก่อนเข้ามาด้านใน และจะต้องไม่ใช้แฟลต เพราะการทีเรานั้นเข้าไปในสถานที่สำคัญหลายแห่งจะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เพราะอย่างแรกคือแสงจะทำให้ข้าวของได้รับความเสียหาย บางครั้งอาจจะรบกวนพิธีกรรมหรือรบกวนผู้อื่นได้ ประตูชั้นใน ก่อนที่จะถึงตรงนี้ เราต้องเดินลงบันไดประมาณสิบขั้น สองต่อจะถึงหน้าประตูเข้าสู่ปราสาทด้านใน เวลาที่เราเดินเข้าจะมีความสุขมาก เพราะเหมือนกับการเดินเข้าไปดูความสวยงาม เพราะขนาดว่าด้านหน้ายังสวยถึงเพียงนี้ ในส่วนของด้านในค่อนข้างที่จะจำกัดสถานที่ จำกัดจำนวนคือ ความงามของรอบเจดีย์ มีความประณีตสวยงาม และสูงเด่นมองเห็นแต่ไกล ถ้าเราสังเกตตอนเครื่องบินลง เราจะมองเห็นเจดีย์พุทธคยา แม้ว่าจะมาดูสามรอบแล้วครั้งแรกที่ไปพบเดินเข้ากราบหนึ่งวันสองรอบ นอกจากสถานที่ในเจดีย์แล้ว รอบนอกเต็มไปด้วยสถานที่ขายของต่างๆ ราคาไม่แพง ภายในของเจดีย์ ด้านในประดิษฐานองค์พระพุทธเมตตา ทุกครั้งที่จ้องมองใบหน้าและดวงตาแล้วทำให้มีความสุข น้ำตาแห่งความตื้นตันใจไหลลงอาบแก้มไม่ขาดสาย บางคนอาจจะถามตัวเองว่า ทำไมน้ำตาถึงไหลแต่ก็ได้คำตอบคือความปิติมาจากด้านในที่ตัวเราไม่สามารถบังคับได้ การเข้าสักการะ ในการเข้าสักการะด้านใน เราจะต้องเดินเข้าไปประมาณสามร้อยเมตรก็จะถึงองค์พระพุทธเมตตา หลังจากที่ทุกคนจับจองที่ของตนเองได้เหมาะสมแล้ว เริ่มการสวดมนต์สรรเสริญบทสังฆคุณพร้อมกัน พอเริ่มสวดเสียงดังกังวาล ความขลัง ฝั่งแม่น้ำคงทอดผ่านสู่ยอดเจดีย์พุทธคยา ถ้าหากเรายืนอีกฝั่งของแม่น้ำคงคาตรงที่เจ้าชายสิทธัตถะลอยถาดเพื่อเสี่ยงทาย เรามองไปในยามเย็นตะวันใกล้จะตกดินทำให้เห็นถึงความงาม ซึ่งช่างภาพที่เดินทางไปอินเดียต้องการที่จะบันทึกภาพความงามเหล่านี้ ประทักษิณ ด้วยการกล่าวบทสรรเสริญพระรัตนตรัย วนสามรอบก่อนที่จะเข้ากราบพระพุทธเมตตาด้านในเจดีย์พุทธคยา ขณะที่เดินวนรอบนั้นเราจะต้องทำใจของเราให้บริสุทธิ์เพราะหลังจากนั้น เราจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า น้อมวันทาบูชาด้วยการประทักษิณ รอบพระมหาเจดีย์พุทธคยา โดยการนำของพระที่บวชใหม่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระสงฆ์และภิกษุณีเดินประทักษิณสามรอบก่อนเข้าสักการะด้านใน ซึ่งในนะหว่างที่มีการประทักษิณด้านนอก ด้านในก็จะต้องมีคนเข้าไปดูด้านใน เคลียร์พื้นที่ให้เพียงพอจุกลุ่มให้เพียงพอ ประมาณ 75 คน เพื่อทำการสวดมนต์สรรเสริญบทสังฆคุณ องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน เมื่อเสียงสวดมนต์ดังขึ้น น้ำตาแห่งความปิติค่อยๆไหลอาบแก้มซึ่งตอนนั้นไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร เพราะยิ่งสวดมนต์น้ำตายิ่งไหล ความตื้นตันเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งเดินเข้าพบกับพระพุทธเมตตา การเดินทางผ่านความทุกข์แสนสาหัสเพื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ หลากหลายชีวิตที่ห่วงเรามากจนไม่อยากให้เราเดินจากอกมา เราพยายามต่อสู้และสุดท้ายวันนี้ตอนนี้เราอยู่ต่อหน้าสถานที่ที่พระมหาศาสดาของศาสนาพุทธตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นสถานที่ที่ดีที่สุด พระแท่นวัชรอาสน์ หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แท่นวัชรอาสน์หรือโพธิบัลลังก์ ถ้าเรามองเข้าไปด้านในพระแท่นที่นั่งที่เป็นแท่นสี่เหลี่ยมอยู่ด้านในรั้วไม่สามารถเข้าได้ ซึ่งก่อนที่จะตรัสรู้เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงปูด้วยหญ้าอุสะ เพื่อความนุ่มและทรงให้สัจจะว่าจะไม่ยอมลุกจากที่ตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่สำเร็จมรรคผลพระองค์จึงได้นั่งเสวยวิมุตติสุขในแท่นแห่งนี้ เพื่อพิจารณาในสิ่งที่บรรลุ ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ก่อนที่จะออกเดินทางไปหาปัญจวัคคีย์ เจ้าชายสิทธัตถะยังคงรักและคิดถึงคนที่ร่วมทุกข์มาด้วยกัน แม้ว่าเขาทั้งหลายนั้นจะหมดความเลื่อมใสหลังจากกลับมาทานข้าวก็ตาม ของที่ระลึกไม่มีวันลืม แน่นอนว่า คนไทยหรือชาวพุทธทุกคนที่เดินทางมาที่นี่ สิ่งที่ต้องการหลังจากการสักการะแล้ว นั่นคือใบโพธิ์ที่หล่นลงสู่พื้นให้ได้เก็บไว้ในความทรงจำ ในวันนั้นตอนที่สวดมนต์รับศีล จู่ๆ ลมก็พัดมาอย่างแรง แรงลมทำให้ใบโพธิ์ที่อ่อนหล่นลงมาสู่พื้น ถ้าหากว่าเรานั้นมองขึ้นไปด้านบนต้น เราจะมองไม่ค่อยเห็นใบของต้นโพธิ์เพราะอยู่ในช่วงชองฤดูร้อนอาจจะมีการทิ้งใบ วันนั้นเก็บใบโพธิ์ที่หล่นลงมาที่พื้นด้วยตนเองประมาณสิบใบ เด็กน้อยนำมายื่นให้บ้าง แนบใบโพธิ์ไว้กับสมุดบันทุกสักหน้า.. ใบโพธิ์แห่งความสุข ที่วัดเองก็มีขาย แต่ใครจะเท่าภูมิใจในสิ่งที่เรานั้นเก็บเองกับมือ และทับไว้ในสมุดบันทึก เพื่อรอเวลาให้ใบโพธิ์แห้ง แล้วจากนั้นเราอาจจะนำไปอัดกรอบพระ หรือนำไปใส่หลังโทรศัพท์มือถือ ได้ทั้งหมด หรือเราอาจจะฝากเพื่อนที่เรารัก ความสุขทุกอย่างอยู่ที่ใจ เราเดินทางตามรอยพระศาสดามากี่รอบ เราก็ยังมีความสุขกับมัน แม้ว่าเส้นทางจะเป็นเส้นทางเดิม แต่เพื่อนร่วมทางไม่เคยซ้ำเดิม เพื่อนที่รู้จะคอยแนะนำและช่วยกันคิด ถ้าหากใครที่มีโอกาสขอให้เราคว้ามันไว้ให้ได้ก่อน เพราะน้อยนักจะได้ตามรู้ประวัติเพื่อที่เราจะไม่ได้มีชื่อว่า ศาสนาพุทธแค่ใบเกิด แต่ไม่เข้าใจแก่นแท้ของศาสนา อย่ามองว่าที่อื่นจะต้อยต่ำหรือน่าอยู่เหมือนบ้านเรา ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว)ห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป