เรื่องของ “ความเชื่อ” อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ยิ่งช่วงโควิด-19 ระบาด เศรษฐกิจฝืด ข้าวยากหมากแพง คนไทยหาที่พึ่งที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจมากยิ่งขึ้น เดินสาย “มูเตลู” กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคล ขอโชค ขอลาภ ขอรางวัลที่ 1 ขอให้กิจการค้าขายเจริญรุ่งเรือง ของานปัง ขอรักสมหวัง ขอให้สมปรารถนาในทุกประการ
โดยที่ผ่านมาคนไทยให้ความเคารพนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจตุคามรามเทพ ไอ้ไข้ ไอ้ส้มฉุน พญานาค
ล่าสุด เมื่อปี 2565 กับกระแสนิยมไหว้ “ท้าวเวสสุวรรณ” เทพแห่งความร่ำรวย ที่เลื่องลือในด้านการขอพรเกี่ยวกับโชคลาภ ความสำเร็จ รวมถึงปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้หมดไป
เมื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2566 “ปีกระต่ายน้ำ” นักโหราศาสตร์ชื่อดังก็ยังบอกเหมือนกันว่า “องค์ท้าวเวสสุวรรณ” จะแรงต่อเนื่องข้ามปี
หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา เผยเหตุผลที่เทพผู้ยิ่งใหญ่ในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 อธิบดีแห่งอสูร ได้รับความนิยมในหมู่สายมู เป็นเพราะว่าปีที่ผ่านมาพระราหูเข้าดวงเมือง พระราหูเป็นดาวในกลุ่มยักษ์ ในปี 2565 เราถึงไหว้ยักษ์กันเยอะ เพราะท้าวเวสสุวรรณเป็นยักษ์ เหตุการณ์เหมือนครั้งเมื่อพระราหูเข้าดวงเมืองมาครั้งหนึ่งเมื่อครั้งอดีต ที่ตอนนั้นจตุคามรามเทพมีกระแสฟีเวอร์ พอมาปี 2565 ก็กลับมาใหม่ แต่เปลี่ยนใหม่เป็นท้าวเวสสุวรรณ และต่อเนื่องจากปี 2565 เข้าสู่ปี 2566 พระราหูยังอยู่ในดวงเมือง ท้าวเวสสุวรรณก็จะยังฟีเวอร์ ซึ่งองค์ท่านมีอยู่เกือบทุกวัด เพราะโดยคติการสร้างวัดท้าวจตุโลกบาลมีเกือบทุกวัดอยู่แล้ว จะไม่เหมือนวัตถุมงคลอื่นๆ ที่มีบางที่เท่านั้น ดังนั้น ก็สามารถเดินทางไปกราบไหว้ได้ทุกวัด
ด้าน อาจารย์ไวท์ หมอดูโอปป้า หรือ “ถาวโรจน์ หรูเกียรติไชย” นักพยากรณ์หนุ่มไฟแรงแห่งวงการโหราศาสตร์ไทย เผยว่า คนเราเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเก่งบวกเฮง และทำบุญเยอะๆ เพื่อเสริมกำลังให้ยิ่งปังขึ้นไปอีก จึงแนะเคล็ดลับ 2566 เป็นปีที่มีเกณฑ์โดดเด่นในเรื่องธุรกิจอย่างมาก ดาวพฤหัสส่งกำลังดี เพราะฉะนั้นต้องมูจะได้ปัง ด้วยการไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณเพราะเป็นปีที่ท่านประทานพรให้กับทุกคนที่บูชาอย่างเต็มที่ เสริมดวงการไหว้ด้วยการถวายกุหลาบ หรือจุดเทียน เพื่อสะเดาะเคราะห์ ก็จะทำให้ปี 2566 เป็นการเริ่มต้นที่ดีและปังขึ้นไปอีก
“เนื่องจากอิทธิพลปีหน้าพลังงานของตำแหน่งธาตุไฟค่อนข้างแรงเร็ว ได้อะไรไวๆ การขอองค์ท้าวเวสสุวรรณเพื่อให้สำเร็จไวเลย” อาจารย์ไวท์ หมอดูโอปป้า ทิ้งท้าย
ขณะที่ อ.คฑา ชินบัญชร นักโหราศาสตร์ชื่อดัง เผยว่า ปี 2566 ถือเป็น ปีกระต่าย ธาตุน้ำ น้ำก็คือพญานาค ดังนั้น ปี 2566 “พญานาค” จะกลับมาเป็นกระแสกราบไหว้บูชาอีกครั้ง ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบให้นาคเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์ในตำนาน ซึ่งเป็นการประกาศในเชิงสัญลักษณ์เพื่อสร้างให้เกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาติ อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดเป็นซอฟต์เพาเวอร์ในการนำทุนวัฒนธรรมมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและนำรายได้เข้าประเทศด้วย
“การนึกถึงพญานาคไม่ใช่เรื่องงมงาย เพราะเวลาบูชาพญานาคก็เปรียบกับการบูชาพระแม่คงคา สิ่งที่คุณจะทำคืออะไร คุณจะรักสายน้ำ คุณจะให้ความเคารพ คุณจะไม่ใช้น้ำอย่างเลอะเทอะ เพราะคุณให้ความเคารพ ดังนั้น การบูชาพญานาคเป็นการบูชาธรรมชาติ เป็นตัวแทนของน้ำ ความอุดมสมบูรณ์”
ทั้งนี้ พญานาคที่ได้รับความเคารพกราบไหว้ มีทั้งที่ ปู่อือลือนาคราชราชา ณ บึงโขงหลง หรือที่ ถ้ำนาคา จ.บึงกาฬ ปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา วัดป่าคำชะโนด จ.อุดรธานี เป็นต้น โดยสามารถสวดมนต์บทขันธปริตรเพื่อบูชาพญานาคได้ บทสวดบทนี้คือการแผ่เมตตาให้พญานาคทั้ง 4 ตระกูล
ส่วนถ้าผู้ใดต้องการความสำเร็จ อ.คฑาแนะให้บูชา “พระพิฆเนศ” เทพแห่งศิลปะวิทยาการและความสำเร็จ ซึ่งเป็นการมูแบบพราหมณ์
“พระพิฆเนศ หรือพระพิฆเนศวร ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จในทุกสรรพสิ่ง ผู้บูชามักจะไหว้บูชาเพื่อขอความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต เงินทอง ความมั่งคั่ง ตลอดจนความก้าวหน้า เคล็ดลับในการบูชาคือ อธิษฐานจิตขอพร เอ่ยชื่อเรา เอ่ยชื่อพระพิฆเนศ แล้วพูดว่า องค์ปฐมบูชาศรีคเณศ 5 ครั้ง”
ขณะที่สายมูแบบจีน ในปี 2566 จัดเป็น “ปีกระต่าย” ตามหลักของโหราศาสตร์จีน ก้านฟ้าเป็นธาตุไม้ กิ่งดินเป็นธาตุน้ำ จัดเป็นปีกระต่ายธาตุน้ำ จัดเป็นปีกุ้ยเบ้า องค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ ประจำปี 2566 พระนามว่า “องค์พ่วยซี้ไต่เจียงกุง”
อ.คฑาเผยว่า เทพเจ้าจีนที่ควรไปไหว้ทุกปีนักษัตรมีอยู่ 3 องค์ เพราะเราต้องแก้ชะตาฟ้า แก้ชะตาดิน และแก้ชะตาคน
“เทพเจ้าเกี่ยวกับธาตุน้ำ หรือกระต่ายน้ำ คือ องค์เจ้าแม่หม่าโจ้ว หรือ เจ้าแม่ทับทิม คิดอะไรไม่ออกให้ขอพรจากเจ้าแม่หม่าโจ้ว หรือเจ้าแม่ทับทิม ทั่วประเทศไทย หรือที่เดอะ ล้ง 1919 ที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานซังฮี้ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า จีน ก็มีองค์หม่าโจ้ว หรือเจ้าแม่หมาจู่ หรือเจ้าแม่ทับทิม ถือเป็นเจ้าแม่ธาตุน้ำ เกี่ยวกับธุรกิจ การค้า ความราบรื่นในชีวิต ความมั่งคั่งมั่งมี เพราะน้ำหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ถือเป็นเจ้าแม่แห่งปี
“นอกจากนี้ ให้ไปไหว้ขอพร เจ้าพ่อกวนอู เพื่อแก้ชะตาดิน ซึ่งเป็นขุนพล ที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูทั่วประเทศไทย กับอีกองค์ที่เป็นขุนพล คือ ตั่วเหล่าเอี๊ย ที่อยู่ในศาลเจ้าพ่อเสือ ก็จะครบถ้วนแล้ว เจ้าแม่หม่าโจ้ว แก้ลิขิตฟ้า เจ้าพ่อกวนอู แก้ชะตาดิน ตั่วเหล่าเอี๊ย แก้ชะตาคน ปกปักรักษาคุ้มครอง 3 องค์นี้ควรไปกราบขอพรทุกๆ ปีนักษัตร”
อย่างไรก็ตาม ปีชงมีเพียงปีเดียวคือปีระกา ส่วนปีชงร่วม ได้แก่ ปีเถาะ เรียกว่า ปีคัก, ปีชวด เรียกว่า ปีเฮ้ง และปีมะเมีย เรียกว่า ปีผั่ว
อ.คฑาแนะนำว่า วิธีแก้ปีชงทั้ง 4 ปี ให้ไปฝากดวงชะตากับองค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ ที่วัดเล่งเน่ยยี่ หรือที่ที่มีองค์ไท้ส่วยเอี๊ยะประดิษฐานอยู่ โดยเมื่อไปถึงแล้วจุดธูปบอกไหว้ฟ้าดินก่อน บอกไหว้ฟ้าดินเสร็จแล้วไหว้องค์พระประธาน เรียบร้อยแล้วก็ไหว้องค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ โดยกล่าวว่า ขอบารมีองค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ พระนามว่า “พ่วยซี่ไต่เจียงกุง” องค์เทพเจ้าประจำปีเถาะ ก้านฟ้า ธาตุไม้ กิ่งดิน ธาตุน้ำ ประจำปี กุ่ยเบ้า ได้โปรดปกปักรักษาประทานพรให้ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล) บางคนเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลก็เอ่ยไปด้วย ให้ตลอด 365 วัน 12 เดือน 4 ฤดู 1 ปี และตลอดไป มีแต่ความรุ่งเรือง ราบรื่น ร่ำรวย และร่มเย็นเป็นสุข
บางท่านอาจปัดตัวไปก่อน การปัดตัวจะมีเทียบ หรือกระดาษเงินกระดาษทอง ปัดตัวแล้วก็พูดว่า เฮงไล้ แปลว่า โชคดีเข้ามา ซวยขื่อ แปลว่า โชคร้ายออกไป เพราะฉะนั้น เวลาเราปัดตัวเราก็จะพูดว่า เฮงไล้ ซวยขื่อ แล้วก็นึกเดือนที่ 1 ก็แปลว่า โชคดีเข้ามา โชคร้าย ออกไป เดือนที่ 1 โชคดีเข้ามา โชคร้ายออกไป เดือนที่ 2 ใจเย็นๆ เหลี่ยงเลี้ยง ค่อยๆ ปัดไป ไม่ต้องก้มลงไปจนถึงเท้าก็ได้ พอเป็นพิธี แต่ให้นึกถึง เสร็จเรียบร้อยแล้วก็อธิษฐานขอบารมีองค์ไท้ส่วยเอี๊ยะปกปักรักษาคุ้มครอง
การไหว้องค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ จะไหว้ด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง ก้อนเงินก้อนทอง ไหว้ด้วยผลไม้ เช่น ส้ม ไม่ไหว้ด้วยของคาว เมื่อไหว้เสร็จแล้วก็อาจจะเอาส้มกลับไปรับประทาน 2 ผล เป็นต้น
“ตอนฝากดวงชะตาก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีความเป็นสิริมงคล อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจ เป็นมิ่งขวัญให้กับเรา และจะทำให้เราได้ระลึกนึกถึงและใช้ชีวิตตลอดปีแบบมีสติ อันนี้สำคัญ นี่คือทั้งหมดของคนที่เกิดปีเถาะ ปีระกา ปีมะเมีย และปีชวด” อ.คฑาทิ้งท้าย