กลุ่มดาวต่างๆที่เรียงรายอยู่บนท้องฟ้ารอบตัวเรา ได้เป็นต้นเหตุให้ผู้คนแต่ละชาติ แต่ละภาษา ต่างใช้จินตนาการนึกฝัน ปะติดปะต่อขึ้นเป็นเทพนิยาย หลายต่อหลายเรื่อง เพราะทุกสิ่งล้วนเกิดจากการไม่รู้มาก่อนทั้งสิ้น ที่พอจะมีหลักฐานหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง และพอจะนำมาอ้างอิงได้ ต้องนับว่าวิชาดวงแบบดาราศาสตร์รากเหง้ามาจากอารยธรรมของพวกบาบิลอน ซึ่งรวมกลุ่มตั้งเป็นนครเล็กๆ ขึ้น ในอาณาจักรเมโสโปเตเมีย ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส เมื่อสมัยล่วงมาแล้ว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล
จากดวงดาวสู่ดวงชะตาชีวิต
โดย อ.พราหมณ์ ศตวรรษ บุนนาค
วิชาความรู้อันเป็นพื้นฐานของวิชาโหราศาสตร์ที่ใช้ข้อมูลทางดาราศาสตร์ ต้องนับเอาว่านักบวชชาวบาบิลอนเริ่มศึกษาค้นคว้ากันมาก่อนชาติอื่นๆ แต่เมื่อได้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอิทธิพลของดวงดาวมากเข้า พวกนักบวชจึงเกิดมีความเห็นขัดแย้งกันออกเป็นสองฝ่ายเพราะกลุ่มนักบวชฝ่ายหลังนับถือเปลี่ยนไปอีกอย่าง จากคติซึ่งเคยยึดว่า
" ดวงดาวเป็นองค์ของเทพเจ้า " กลายมาเป็น " มีเทพเจ้าทรงทำหน้าที่ปกครองดวงดาว" สาเหตุที่วิชาโหราศาสตร์เกิดมีขึ้นมาได้จำเป็นต้องมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมปรุงแต่ง เป็นส่วนเชื่อมโยงผสมผสานพร้อมกันไปด้วย อย่างวิชาโหราศาสตร์ของชาวบาบิลอน ก็เกิดมีขึ้นพร้อมกับวิชาดาราศาสตร์และลัทธิความเชื่อซึ่งผู้คนในยุคนั้นบูชาเลื่อมใส
ความดลใจซึ่งก่อให้เกิดวิชาโหราศาสตร์แขนงนี้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นเฉพาะที่อาณาจักรบาบิลอนเพียงแห่งเดียว เพราะมีหลักฐานแน่ชัดว่า ในยุคก่อนคริสต์ศักราชประมาณ 800 ปี ชาวอินเดียนเผ่าแอชเท็กและมายา ทางแถบภาคกลางของทวีปอเมริกาใต้ก็มีความเจริญมั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยอารยธรรมทางวิชาโหราศาสตร์แล้ว ยุคทองของวิชาโหราศาสตร์ในอาณาจักรมายาได้รุ่งโรจน์มาแล้วตั้งแต่สมัยเมื่อเริ่มต้นคริสต์ศักราชได้เพียง 300 ปีและความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์ของนักบวชชาวมายานั้น แตกฉานละเอียดละออแม่นยำยิ่งกว่านักบวชชาวบาบิลอนเสียอีก
ชนชาติจีนและอินเดียก็รอบรู้ในวิชาดาราศาสตร์มานานนักหนาและต่างฝ่ายก็ต่างหาหลักฐานมาบรรยาย ตั้งหน้าช่วงชิงว่าใครก่อนใครหลังกันยกใหญ่ซึ่งต่างก็ไม่ยอมกัน ประวัติศาสตร์ของชนชาติจีนนั้น ได้เคยเป็นอารยประเทศที่เต็มไปด้วยอารธรรมต่างๆ ก่อนหน้าคริสต์ศักราชตั้งหลายพันปี ชาวจีนจะนับเป็นจำนวน เป็นปริมาณของตัวเลขอยู่เสมอ จนเป็นที่ยอมรับกันว่า ชาวจีนมีจินตนาการ มีความรู้ในเรื่องตัวเลขยอดเยี่ยมกว่าชนชาติอื่น มีหลักฐานที่เป็นคัมภีร์เกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์หลงเหลืออยู่เล่มหนึ่งชื่อ ฉี-ชิ ( แปลว่าบันทึกตามประวัติศาสตร์ ) ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อสมัยร้อยกว่าปีก่อนคริสต์ศักราช นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เพราะศาสตร์ในการทำนายของชาวจีนตรงกับหลักการทำนายของโหราจารย์ชาวบาบิลอนอยู่หลายประการทีเดียว
และหากหันมามองดูทางอินเดีย วิชาโหราศาสตร์ของชาวฮินดูยิ่งต้องยกให้ว่าเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ยิ่งกว่าชาติอื่นหลายเท่า เพราะโหราจารย์ชาวฮินดูท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ศิลปวรรณคดีเกี่ยวกับเรื่องโหราศาสตร์ และดาราศาสตร์ทั้งปวงนี้ ชาวฮินดูรู้มาก่อนแล้ว หากจะนับถอยหลังไปให้ใกล้เคียงต้องไม่ต่ำกว่า 4,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เพราะมีผู้พบเห็นบันทึกเหล่านี้ในวัวของมหาราชาองค์หนึ่งซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย ที่เป็นหลักฐานชวนให้คล้อยตามก็ตรงที่โหราศาสตร์ของชาวฮินดูไม่ได้มุ่งศึกษายึดเอาแต่วิธีการโคจรของพระอาทิตย์เป็นหลักใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่ถือเอาการโคจรของดวงจันทร์เป็นหลักสำคัญประกอบกันไปด้วย การผูกดวงชะตาเพื่อใช้ประกอบการทำนาย ทางฮินดูถือว่าจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่จะบอกผลกรรมของบุคคลนั้นๆได้ จำเป็นต้องคำนวนให้รู้ด้วยว่าในขณะที่เจ้าชะตาถือกำเนิด พระจันทร์ท่านจรไปตกอยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์ไหน และกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านั้น ท่านแยกไว้เป็นกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่ถี่ถ้วนยิ่งกว่าวิชาโหราศาสตร์ของชนชาติอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้คนร่ำลือกันว่า ฮินดูไปรับเอาอิทธิพลมาจากกรีกถ้าจะให้เก่ากว่านั้น ก็คงไปได้วิชาโหราศาสตร์มาจากอาณาจักรบาบิลอน เพราะเรื่องนี้อินเดียปฎิเสธไม่ได้ว่าได้เคยมี
ดวง 360 พร้อมให้บริการดูดวงออนไลน์ และแนะนำเบอร์มงคล
โดยนักพยากรณ์ชั้นนำของเมืองไทย ดาวน์โหลดแอป “ดวง360” ได้ที่
https://bit.ly/3fxQwcL หรือ https://star360.net/